ผู้แทนกว่า 80 คนจาก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงผู้กำหนดนโยบายด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สมาชิกคณะกรรมการประสานงานอาเซียนด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ACCMSME), องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ ตลอดจนผู้นำในอุตสาหกรรมการแพทย์และสปา เข้าร่วมงาน “Regional Policy Consultation on Health and Wellness Tourism in ASEAN” ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร ระหว่างวันที่ 27 ถึง 28 พฤษภาคม 2568 การประชุมนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านกองทุนความร่วมมืออาเซียน – ญี่ปุ่น (JAIF) ร่วมด้วยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ACCMSME และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย
การหารือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ความเข้มแข็ง การปรับตัว และความสามารถในการแข่งขัน: แผนยุทธศาสตร์สำหรับภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสุขภาวะของ SMEs อาเซียนในยุคหลังวิกฤต (Resilience, Adaptability and Competitiveness: A Roadmap for the Health and Wellness Tourism Sector ASEAN SMEs in a Post-Crisis Age)” โดยมีเป้าหมายเพื่อความร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับอาเซียนให้เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรด้านการพัฒนา
ตลอดระยะเวลา 2 วัน ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งรวมถึงหน่วยงานด้าน SME กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสุขภาพ สมาคมวิชาชีพ โรงพยาบาล ตลอดจนผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพดิจิทัล ได้ร่วมกันหารือนโยบายรวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคผ่านการประสานนโยบาย การแบ่งปันองค์ความรู้ และการดำเนินงานร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับนวัตกรรมบริการ การสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน และการพัฒนาเอกลักษณ์ร่วมของอาเซียนในตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
การหารือเน้นย้ำถึงความสำคัญของกรอบการดำเนินงานระดับภูมิภาคที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของ MSMEs เช่น การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การประกันคุณภาพ และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังให้ความสำคัญต่อมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในการสร้างความโดดเด่นและความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
โครงการนี้สะท้อนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของ JAIF ต่อวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน โดยการสนับ สนุนจากทีมบริหารจัดการ JAIF (JMT) เป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการจัดการประชุมในครั้งนี้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือในระดับภูมิภาค JMT ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายนโยบายที่ชัดเจนเพื่อกำกับการดำเนินงานร่วมกันและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของอาเซียน
การประชุมครั้งนี้มีส่วนในการขับเคลื่อนเป้าหมายที่กว้างขึ้นของอาเซียนในการสร้างประชาคมที่เข้มแข็งและพร้อมปรับตัวตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 รวมถึงการต่อยอดจากความพยายามในการฟื้นตัว การสร้างความร่วมมือ และการบูรณาการในยุคหลังการระบาดใหญ่