AWC ลงเสาเอก “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” อนุรักษ์ และ ทุ่ม 1.5 หมื่นล้านพลิกโฉม “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” และถนนทรงวาด เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดฉากก้าวสำคัญด้วยการลงเสาเอกโครงการ “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมปักหมุดลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท มุ่งยกระดับพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมไทย-จีน สู่จุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืน

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า

“AWC ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับแมริออท อินเตอร์เนชันแนล นำแบรนด์เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอัลตร้าลักชัวรีระดับโลก มาสู่จุดหมายปลายทางที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ โครงการนี้ไม่ใช่แค่โรงแรม แต่เป็นโมเดลต้นแบบของการท่องเที่ยวยั่งยืนที่ผสานวัฒนธรรม สุขภาพ และนวัตกรรมอย่างลงตัว”

---

 

โรงแรมแห่งใหม่นี้จะประกอบด้วยอาคารหลักสูง 20 ชั้น รวมจำนวนห้องพัก 191 ห้อง แบ่งออกเป็นอาคารฝั่งล้ง 1919 และฝั่งทรงวาด พร้อมบริการครบครัน ทั้งห้องอาหารรูฟท็อประดับพรีเมียม ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม และบริการเชื่อมต่อด้วยเรือไฟฟ้าระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ ภายใต้แนวคิด “หยิน-หยาง” ที่เน้นความสมดุลระหว่างจิตวิญญาณและสิ่งแวดล้อม

AWC ยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมไทย-จีน โดยได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและกรมศิลปากร พร้อมดำเนินงานตามมาตรฐานสากลเพื่อบูรณะ “ฮวยจุ่งล้ง” หรือท่าเรือเก่าในศตวรรษที่ 19 ให้เป็นโครงสร้างใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมไว้อย่างสมบูรณ์

มร. แบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชาและเมียนมาบริษัท แมริออท อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า

“โครงการนี้สะท้อนแนวคิดของแมริออทในการสร้างการบริการที่มีความหมาย ไม่ใช่เพียงแค่หรูหรา แต่ต้องเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ยั่งยืน”

---

 

เป้าหมายในอนาคต : 

AWC ตั้งเป้าให้โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ เป็นต้นแบบของ “Integrated Wellness & Heritage Destination” ซึ่งไม่เพียงแต่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับพรีเมียม แต่ยังมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน และเสริมบทบาทของกรุงเทพฯ ในฐานะ “เมืองมรดกเชิงสุขภาพ” แห่งเอเชีย

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ระยะยาวของ AWC ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงแรมลักชัวรีและ wellness tourism ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงทั่วโลก โดยตั้งเป้าขยายโครงการลักษณะเดียวกันในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวหิน ภายใน 5 ปีข้างหน้า

“นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตการท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่หรูหรา แต่ต้องยั่งยืน มีจิตวิญญาณ และคืนคุณค่าให้กับชุมชน” นางวัลลภากล่าวสรุป

---