
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและอาหารสัตว์เศรษฐกิจของไทย โชว์ผลงานเติบโตแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังยอดขายอาหารสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี รับดีมานด์อาหารกุ้ง-ปลากะพงโตแรง พร้อมเดินหน้าลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต มุ่งสู่มาตรฐาน Industry 4.0 รวมถึงการยกระดับสายการผลิตอาหารปลาและอาหารกุ้ง คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังการผลิตทั้งหมด คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดใช้งานภายในเดือนสิงหาคม 2568 รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์น้ำยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพ ใส่ใจลูกค้าเก่าและใหม่ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าของ TFM ทำให้ บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะยอดขายอาหารสัตว์น้ำของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2568 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี ซึ่งเป็นผลจากการเข้าสู่ช่วง Peak Season ของอุตสาหกรรม และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าอาหารกุ้งและอาหารปลากะพงมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยการเติบโตในส่วนของอาหารกุ้ง ได้รับแรงสนับสนุนจากคุณภาพอาหารที่ดีและสม่ำเสมอ ทำให้ส่งผลดีต่อผลการเลี้ยงกุ้งของลูกค้า และช่วยส่งผลต่อการใช้อาหารเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการขยายฐานลูกค้าใหม่และความร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตลูกกุ้ง ยิ่งช่วยเสริมการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการอาหารกุ้งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก
ขณะที่อาหารปลากะพง TFM สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคกลาง ส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดปลากะพงในปัจจุบันยังมีความต้องการอาหารที่สามารถตอบโจทย์การผลิตเนื้อปลาคุณภาพสูง โดยเน้นลดการใช้ยาปฏิชีวนะ ลดสารตกค้าง และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี ดังนั้น เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม ความยั่งยืนและประสิทธิภาพในการใช้อาหาร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าขับเคลื่อนแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีงบประมาณลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่โครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การยกระดับประสิทธิภาพการผลิต โดยโครงการ BOI ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพของอาหารสัตว์น้ำให้มีความสม่ำเสมอ อีกทั้ง ตั้งเป้าลดต้นทุนการผลิตผ่านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้มีระบบควบคุมอัตโนมัติที่ทันสมัยและแม่นยำยิ่งขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีประหยัดพลังงานมาใช้ในกระบวนการผลิต
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวประกอบด้วยการลงทุนในสายการผลิตอาหาร 4 สายการผลิต แบ่งเป็น สายการผลิตอาหารปลา 2 ไลน์ที่โรงงานมหาชัย และอาหารกุ้ง 2 ไลน์ที่โรงงานระโนด โดย 3 ไลน์เป็นการเปลี่ยนเครื่องจักรเดิมเป็นระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย อีก 1 ไลน์เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตอาหารกุ้งโดยใช้ระบบอัตโนมัติเช่นเดียวกัน รองรับความต้องการภาคใต้ ครอบคลุมกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ไปสู่ระบบการผลิตอัจฉริยะตามแนวทาง Industry 4.0 เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศและตลาดส่งออก โดยโครงการทั้งหมดมีกำหนดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดดำเนินการภายในเดือนสิงหาคม 2568
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน TFM ยังคงมุ่งลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างการเติบโตในระยะยาว ตอกย้ำสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทสร้างกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานได้ถึง 741 ล้านบาท เทียบกับภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยเพียง 220 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกระแสเงินสดที่มั่นคง สภาพคล่องสูง หนี้สินต่ำ ขณะเดียวกัน ยังมีอัตราการหมุนเวียนสินค้าที่ยอดเยี่ยม TFM จึงพร้อมเดินหน้าค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่สามารถต่อยอดธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนในระยะยาว
[อ่าน 37]