บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย จับมือพันธมิตร “วินด์เซอร์” (WINDSOR) ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ชูนวัตกรรมประตูหน้าต่างไวนิลคาร์บอนต่ำรายแรกในไทยในโครงการบ้านของแสนสิริทั่วประเทศมากกว่า 20 โครงการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม สร้างจุดเปลี่ยนเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน พร้อมยกระดับบ้านอยู่สบาย ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชัน ดีไซน์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติ “Ultimate Protection” จาก “วินด์เซอร์” ที่ช่วยปกป้องบ้านและผู้อยู่อาศัยจากสิ่งรบกวนต่างๆ อาทิ ฝุ่น ความร้อน และเสียง ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนไทย
นายประเสริฐ ตระการวชิรหัตถ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "แสนสิริ ร่วมกับวินด์เซอร์ ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ที่เป็นหนึ่งในกรีนพาร์ตเนอร์ (Green Partner) สำคัญที่ช่วยยกระดับโครงการของเรา ทั้งนี้ แสนสิริได้นำนวัตกรรมประตูหน้าต่างไวนิลคาร์บอนต่ำมาติดตั้งในโครงการบ้านของแสนสิริกว่า 20 โครงการทั่วประเทศ
โดยล่าสุดในโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา และ ณริณสิริ พระราม 9 - กรุงเทพกรีฑา โดยนำประตูหน้าต่างไวนิลรุ่น “Signature” และ รุ่น “RIGHT” สีดำ Brilliant Black มาใช้ สะท้อนความสง่างามแบบ Georgian Revival ด้วยคุณสมบัติ “Ultimate Protection” จากวินด์เซอร์ ที่ช่วยให้บ้านเย็น อยู่สบาย ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการติดตั้ง และลดเศษเหลือจากการก่อสร้าง นับเป็นอีกก้าวสำคัญของแสนสิริในฐานะผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งงานดีไซน์ทันสมัย และการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน”
“แสนสิรินำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นแกนหลักของกลยุทธ์และการดำเนินงานอย่างจริงจัง พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เติบโตไปด้วยกัน และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2593 ผ่านกลยุทธ์ 3 Green Framework ประกอบด้วย “Green Procurement” คำนึงถึงการรีไซเคิลวัสดุ การเลือกใช้วัสดุ Low-carbon เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, “Green Architecture and Design” การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อ การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และ “Green Construction” การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย ลดระยะเวลาการก่อสร้าง ลดขยะจากการก่อสร้าง ช่วยลดฝุ่นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไซต์ก่อสร้างลงเป็นจำนวนมาก” นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านแบรนด์วินด์เซอร์ โดย นายอภิชาติ พรวรนันท์ ผู้จัดการฝ่ายขายโครงการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC กล่าวว่า
“วินด์เซอร์ มุ่งส่งเสริมความยั่งยืนในงานที่พักอาศัย ด้วยการพัฒนาวัสดุประตูหน้าต่างไวนิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ “WINDSOR for Sustainability” โดยได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) และฉลากลดโลกร้อน (CFR) ในผลิตภัณฑ์กลุ่มประตูหน้าต่างไวนิลเป็นรายแรกในประเทศไทย รวมทั้งการรับรองจาก SCG Green Choice
ทั้งนี้ วินด์เซอร์มีกระบวนการผลิตประตูหน้าต่างไวนิล ในรูปแบบ “Pre-cut” เอกลักษณ์พิเศษเฉพาะในแบรนด์วินด์เซอร์ ทำให้ไม่เกิดเศษเหลือในการประกอบ (Zero Waste) ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลังงานที่ลดลง
โดยทุกๆ การใช้ประตูหน้าต่างไวนิลวินด์เซอร์ในบ้าน 1 หลัง สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 39 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2eq) เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 5 ต้น* เมื่อคิดรวมพื้นที่ประตูและหน้าต่างของโครงการแสนสิริกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 36,300 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2eq) หรือการปลูกต้นไม้กว่า 4,220 ต้น*”
“นอกเหนือจากการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว วินด์เซอร์ยังมีคุณสมบัติ “Ultimate Protection” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อปกป้องบ้านและผู้อยู่อาศัยจากสิ่งรบกวน ตอบโจทย์วิถีชีวิตทั้งในแง่ฟังก์ชันและดีไซน์ โดยให้บ้าน “เงียบกว่า” การใช้บานอลูมิเนียมทั่วไป 40% (ลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกสู่ภายในบ้านได้ถึง 32 เดซิเบล) “เย็นกว่า” ด้วยประสิทธิภาพการป้องกันความร้อน ประหยัดค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 9,144 บาท/ปี** “ปลอดฝุ่นกว่า” ป้องกันมลภาวะและฝุ่น PM2.5 จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านได้ถึง 3 เท่า และ “มั่นใจกว่า” ป้องกันการรั่วซึมของน้ำและอากาศ ต้านทานแรงลมได้ดี ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน จึงมั่นใจว่าบ้านอยู่สบาย พร้อมรองรับทั้งงานบ้านพักอาศัยและงานอาคารสูง” นายอภิชาติ กล่าวทิ้งท้าย
**ค่าไฟฟ้าคำนวณจากบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอย 150 ตร.ม. อ้างอิงอัตราค่าไฟฟ้าและอุณหภูมิภายนอก ณ เดือน เม.ย. 2567