นายนาดิ้รชา ปาทาน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.เอ็น.เอ. อินเตอร์ฟาร์มา จำกัด เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการร่วมทุน แต่เป็นการผนึกศักยภาพระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายและเครือข่ายคลินิกความงามในไทย กับผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวการแพทย์จากไต้หวัน เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่และยกระดับมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ด้านความงามให้ทัดเทียมนานาประเทศ
“เราเล็งเห็นศักยภาพของ Diamond Biotechnology ในการนำเทคโนโลยีชีวการแพทย์ที่ล้ำสมัยเข้าสู่ระบบการผลิตภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า ต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล” นายนาดิ้รชากล่าว
นายแพทย์อารอน เชีย-เซียน เซีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Diamond Biotechnology กล่าวถึงเหตุผลการเลือกประเทศไทยว่า ไทยมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ ศักยภาพการเติบโตของตลาดความงาม สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และความร่วมมืออันยาวนานกับ K.N.A. ที่แข็งแกร่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
“เราเชื่อมั่นว่าการเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในเอเชียจะช่วยให้สามารถดูแลตลาดทั้งภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็แบ่งสัดส่วนการผลิตกับศูนย์ในไต้หวัน ซึ่งจะดูแลตลาดยุโรปและอเมริกา ทำให้โครงการนี้สามารถตอบสนองความต้องการทั่วโลก และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องมือแพทย์ด้านความงามระดับภูมิภาค” นายแพทย์อารอนกล่าว
โรงงานแห่งใหม่จะดำเนินการภายใต้บริษัทร่วมทุน ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท พร้อมงบพัฒนาเทคโนโลยีและสิทธิบัตรรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ครอบคลุมเครื่องมือแพทย์เวชศาสตร์ความงาม 4 รายการสำคัญ ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักของสายการผลิต กำหนดเริ่มก่อสร้างในวันที่ 1 มกราคม 2569 และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2570
ผลิตภัณฑ์ล็อตแรกจะเน้นส่งออกสู่ตลาดจีน ตามด้วยประเทศในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน อินโดนีเซีย ติมอร์-เลสเต รวมถึงตลาดตะวันออกกลาง โดยตั้งเป้าสร้างรายได้และเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศ พร้อมทั้งสร้างงานให้กับแรงงานไทยจำนวนมาก
นายแพทย์รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ผู้ก่อตั้ง Rassapoom Clinic และหนึ่งในพันธมิตรไทยที่ร่วมลงทุนในครั้งนี้ ระบุว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมความงามของไทยอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงในแง่ของคุณภาพผลิตภัณฑ์ แต่ยังช่วยลดต้นทุนการนำเข้า ทำให้คลินิกความงามสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ผู้บริโภคเองก็จะได้รับบริการในระดับสากลภายใต้ต้นทุนที่เข้าถึงได้มากขึ้น
“โครงการนี้จะทำให้ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ตั้งแต่วิจัย พัฒนา ผลิต และนำไปใช้จริงในคลินิกความงาม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราเชื่อว่านี่คือโอกาสสำคัญของประเทศในการก้าวขึ้นสู่การเป็น Medical Beauty Hub อย่างแท้จริง” หมอรัสมิ์ภูมิกล่าว
ด้าน นายแพทย์ปิยวัฒน์ หิรัญนาท ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Kay Hay Clinic ระบุว่า " อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการผลักดันการผลิตเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้า ทำให้บริการความงามมีราคาย่อมเยา เข้าถึงง่ายสำหรับคนไทย การมีฐานการผลิตในประเทศจะช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ในทุกขั้นตอน พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ สร้างงาน และยกระดับมาตรฐานวงการความงามไทยสู่ระดับสากล "
นอกจากนี้ ยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ แพทย์หญิงนาตยา รักพ่วง แพทย์เฉพาะทางนรีเวชวิทยา ผู้ก่อตั้ง Dr. Aomthong Clinic, นายแพทย์กิตติธัช สินพิพัฒน์พร ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง La Ferly Clinic ซึ่งทั้งหมดจะเป็นพลังสำคัญในการต่อยอดงานวิจัย พัฒนา และประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ให้กับตลาดเครื่องมือแพทย์ด้านความงามของไทย
ความร่วมมือระหว่าง K.N.A., Diamond Biotechnology และกลุ่มแพทย์พันธมิตรไทยในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าการตั้งโรงงาน แต่เป็น “จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง” ที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีความงามคุณภาพระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมส่งออกองค์ความรู้และผลิตภัณฑ์สู่ภูมิภาค และสร้างเม็ดเงินกลับสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน