จากฮาราจูกุถึงกรุงเทพฯ เมื่อแบรนด์แฟชั่นมือสองสุดพรีเมียมจากญี่ปุ่น RAGTAG เปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทยที่ One Bangkok พร้อมเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำแฟชั่นยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แฟชั่นมือสองกำลังกลายเป็น “อุตสาหกรรมสีเขียว” แห่งอนาคต และหนึ่งในแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับวงการนี้คือ RAGTAG ร้านแฟชั่นลักชัวรี่มือสองชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่เพิ่งเปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ โครงการ One Bangkok โดยร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่ค้าปลีก “สหกรุ๊ป” วางหมากบุกตลาดผู้บริโภคที่กำลังมองหาความหรูหราแบบมีสไตล์ ควบคู่กับแนวคิดแฟชั่นที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
จากฮาราจูกุ สู่วันแบงค็อก
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1985 ณ ฮาราจูกุ โตเกียว RAGTAG เปิดตัวสาขาแรกด้วยคอนเซปต์การคัดสรรสินค้าแบรนด์เนมมือสองคุณภาพสูงแบบ “คัดแล้วคัดอีก” นำเสนอประสบการณ์แฟชั่นที่ไม่ใช่แค่ประหยัด แต่ยังหรูหรา มีดีไซน์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Tin Pan Alley Co., Ltd. ในเครือ World Group หนึ่งในผู้นำค้าปลีกแฟชั่นในญี่ปุ่น
ตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา RAGTAG ขยายสาขาครอบคลุมทั่วญี่ปุ่นกว่า 24 แห่ง ครองตลาดแฟชั่น Pre-owned ได้อย่างแข็งแกร่ง และในปี 2025 ได้ก้าวสำคัญในการร่วมทุนกับ 4 บริษัทในเครือสหกรุ๊ป ได้แก่ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัท บีเอสซี โซ อิน จำกัด บริษัท ไอ.ดี.เอฟ. จำกัด บริษัท ทีเอ็นแอลเอ็กซ์ จำกัด เพื่อเปิดแบรนด์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมพัฒนาร้านต้นแบบที่ One Bangkok เป็น Flagship Store
แตกต่างด้วยคุณค่า และความเข้าใจในแฟชั่น
แม้คำว่า “มือสอง” จะยังมีภาพจำที่ต้องเปลี่ยนแปลงในบางกลุ่ม แต่ RAGTAG กำลังเปลี่ยนสิ่งนั้นผ่าน “ประสบการณ์ช้อป” ที่เปี่ยมคุณภาพ
สิ่งที่ทำให้ RAGTAG แตกต่างจากร้านแบรนด์เนมมือสองทั่วไปคือ การมีแบรนด์ให้เลือกหลากหลายกว่า 5,000 แบรนด์ ตั้งแต่ Chanel, Louis Vuitton, Prada, Comme des Garçons, Issey Miyake ไปจนถึง Acne Studios และ Yohji Yamamoto แต่ละชิ้นได้รับการคัดสรร ทั้งในแง่ความสมบูรณ์ของสินค้า ดีไซน์ที่ทันสมัย และความคุ้มค่า ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากญี่ปุ่น
สินค้าในร้านถูกจัดแสดงแบบ Boutique Store ไม่ต่างจากร้านมัลติแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ลูกค้าที่เข้ามาในร้านสามารถสัมผัสและลองสินค้าได้ทุกชิ้น มีบริการผู้ช่วยให้คำแนะนำด้านสไตล์ รวมถึงระบบสมาชิกสะสมคะแนนเหมือนการซื้อของใหม่ และทุกชิ้นมี “รับประกันของแท้” ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในไทย
ฮายาโตะ โมเทกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ สห (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เเร็กแท็ก (RAGTAG) แตกต่างจากร้านแบรนด์เนมมือสองทั่วไป เพราะเราเน้น ความเป็นแฟชั่น เทรนดี้ ลักซูรี และเราคัดเลือกเฉพาะสินค้าแบรนด์ดีไซเนอร์แท้จากทั่วโลก มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่น และสินค้าทุกชิ้นที่วางจำหน่ายในช็อป เเร็กแท็ก (RAGTAG) ประเทศไทยได้ผ่านการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เราสร้างความประทับใจให้ลูกค้าด้วยบริการเสมือนร้านแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงและเข้าถึงง่าย พร้อมทั้งคัดสรรพนักงานที่รักและหลงใหลในแฟชั่น พนักงานของเรามีความรู้ในสินค้าแบรนด์เนมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสินค้าที่หายาก ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและชื่นชอบที่จะมาซื้อสินค้ากับ เเร็กแท็ก (RAGTAG)
เจาะเทรนด์ “New Luxury” – เมื่อของมือสองคือความยั่งยืนที่มีรสนิยม
หนึ่งในเทรนด์ที่ช่วยส่งแรงหนุนให้แบรนด์อย่าง RAGTAG เติบโตคือ “New Luxury” หรือ “ความหรูหราใหม่” ที่นิยามความมีระดับไม่ใช่เพียงของแพง แต่คือ “การเลือกบริโภคอย่างมีความหมาย”
ผู้บริโภครุ่นใหม่ในไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennial ให้ความสำคัญกับ “ของแท้-มีสไตล์-ยั่งยืน” มากกว่า “ของใหม่-อวดได้-ราคาสูง” ซึ่งส่งผลให้ตลาดสินค้ารีเซลและมือสองเติบโตสวนทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ
ข้อมูลจาก thredUP Resale Report ปี 2024 ชี้ว่า ตลาดรีเซลแฟชั่นระดับโลกมีมูลค่ากว่า 350,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10–15% ต่อปี โดยกลุ่มแฟชั่นลักชัวรี่มือสองเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มนี้
เหตุผลหลักคือผู้บริโภครุ่นใหม่เริ่มตระหนักถึงผลกระทบของอุตสาหกรรมแฟชั่นต่อสิ่งแวดล้อม และเลือกแนวทาง Circular Fashion ที่หมุนเวียนการใช้เสื้อผ้าอย่างมีคุณค่า
RAGTAG จึงไม่ใช่แค่ “ตัวแทนของแฟชั่นมือสอง” แต่คือผู้นำวิสัยทัศน์ “แฟชั่นที่ยั่งยืนอย่างมีสไตล์” ซึ่งเริ่มกลายเป็นค่านิยมหลักของผู้บริโภคยุคใหม่
กลยุทธ์การเจาะตลาดไทย
จากการทดลองเปิด Pop-up Store มาก่อนหน้า ทีม RAGTAG ได้เรียนรู้รสนิยมผู้บริโภคไทยอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แบรนด์ที่ได้รับความนิยม ช่วงราคาที่เหมาะสม ไปจนถึงความคาดหวังในบริการที่เปรียบเสมือนร้านแฟชั่นไฮเอนด์
เพื่อสร้างรากฐานในประเทศไทย RAGTAG ใช้กลยุทธ์แบบ “พรีเมียม – ยั่งยืน – เข้าถึงง่าย” ดังนี้:
ฮายาโตะ กล่าวว่า “เรามองว่าลูกค้าชาวไทยมีความเข้าใจแฟชั่นมากขึ้น และให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยั่งยืน และความมีสไตล์ ไม่ต่างจากลูกค้าญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ RAGTAG ที่ไม่ใช่แค่การขายของมือสอง แต่คือการนำเสนอประสบการณ์แฟชั่นแบบครบวงจร”
แฟชั่นมือสองในวันที่ "คุณภาพและความยั่งยืน" คือพลังใหม่ของอุตสาหกรรม
เป้าหมายหลักของเเร็กแท็ก RAGTAG คือการนำเสนอทางเลือกในการช้อปสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมือสอง สร้างประสบการณ์ใหม่ในการช็อปสินค้า Pre-owned Fashion ที่เน้นความหรูหรา คัดสรรคุณภาพสูง และความยั่งยืน ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบแฟชั่น ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการเติบโตในระยะยาว
RAGTAG ไม่ได้ขายแค่ของเก่า แต่กำลังขาย “แนวคิดใหม่” ของการบริโภคแฟชั่นที่ทันสมัย เข้าถึงได้ และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ในวันที่ผู้บริโภคเริ่มมองแฟชั่นไม่ใช่แค่ดีไซน์ แต่รวมถึงที่มาและผลกระทบ
จากฮาราจูกุถึงวันแบงค็อก RAGTAG จึงพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำแห่งโลกแฟชั่นมือสองในแบบที่ “เทรนดี้ หรู และยั่งยืน” อย่างแท้จริง