นายธนโชติ บุญมีโชติ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจกุ้ง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารทะเลมายาวนานกว่า 40 ปี เรานำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออก มาต่อยอดสร้างแบรนด์ Q Fresh ด้วยเป้าหมายส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อร่อย มีคุณภาพ และเข้าถึงได้ให้ผู้บริโภคชาวไทย เรามองเห็นโอกาสเติบโตต่อเนื่อง และมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว”
ความหลากหลายของพอร์ตธุรกิจ
ปัจจุบันพอร์ตอาหารทะเลแช่แข็งของไทยยูเนี่ยนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
กุ้ง 59%
แซลมอนและปลากะพง 21%
อาหารแช่แข็งพร้อมทาน 18%
ซีฟู้ดสแน็ค 2%
ธุรกิจครอบคลุมทั้ง Private Label (รับจ้างผลิต) และแบรนด์ของบริษัทเอง เช่น “Q Fresh” โดยมีฐานลูกค้ากว้าง ตั้งแต่ค้าส่ง รีเทล โมเดิร์นเทรด ร้านอาหาร โรงแรม โรงงาน ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซ
สำหรับแบรนด์ Q Fresh เอง สัดส่วนรายได้มาจากกุ้ง 42% และอาหารทะเลพรีเมียมอื่นๆ เช่น แซลมอน ปลากะพงขาว ฮามาจิ และหอยเชลล์ อีก 58% สะท้อนถึงความหลากหลายและศักยภาพในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง
นายธนโชติย้ำว่า การเติบโตของ Q Fresh ไม่ใช่แค่การเพิ่มยอดขาย แต่คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ อร่อย มีคุณภาพ และเข้าถึงได้ ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์ในระยะยาว
พัฒนาสินค้าใหม่ : เดินหน้าวิจัยตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อสร้างสินค้าใหม่ๆ ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และเทรนด์สุขภาพ เช่น Ready to Cook และ Ready to Eat
ขยายช่องทางขาย : รุกทั้งโมเดิร์นเทรด ค้าส่ง และอีคอมเมิร์ซ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นและรวดเร็วขึ้น
สร้างสัมพันธ์กับลูกค้า : เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นในคุณภาพ มากกว่าการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว
นางสาวพนิตตา มิ่งสูงเนิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แบรนด์คิวเฟรช กล่าวว่า
“คิวเฟรชตั้งเป้าเติบโตจาก 300 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทใน 3 ปี ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
Customer Centricity: หรือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยตลาดและการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
Customer Segment Expansion: การขยายฐานลูกค้า โดยใช้ดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเสียงสะท้อนของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์
Strategic Partnership & Co-Innovation: หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อตอบรับเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา
ที่ผ่านมา Q Fresh จับมือพันธมิตรร้านอาหารพรีเมียมทำเมนู Chef’s Table แต่เมื่อสตรีทฟู้ดกลับมาได้รับความนิยม บริษัทจึงปรับไปสู่เมนู Ready to Cook – Value-added ที่สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
Q Fresh กำลังปรับภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อสร้างการจดจำในกลุ่มผู้บริโภคไทย พร้อมขยายไลน์สินค้าและทำแคมเปญตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยยึดแนวทาง Brand Experience และการสร้างคุณค่าในใจผู้บริโภค
คิวเฟรช (Q Fresh) ปรับทิศทางธุรกิจจากเดิมที่เคยร่วมมือกับร้านอาหารระดับพรีเมียม สร้างเมนูไฟน์ไดน์นิ่งและ Chef’s Table มาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ “Ready to Cook – Value-added” เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการอาหารสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย สอดรับกับกระแส สตรีทฟู้ด ที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
ในโอกาสครบรอบ 8 ปี แบรนด์เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “Sealebration” มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท จัดเต็มด้วยโปรโมชันและกิจกรรมลุ้นรางวัลสุดคุ้ม ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2568
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่อีเวนท์ “8th Birthday Sealebration” วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ณ ลาน Eden 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบกับคอนเสิร์ตจากศิลปิน LYKN พร้อมเมนูพิเศษจาก 8 ร้าน Premium Street Food และกิจกรรมมากมายที่สร้างสีสันและประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภค
จากยอดขายรวม 4,000 ล้านบาทในปัจจุบัน Q Fresh ตั้งเป้าทะยานแตะ 15,000 ล้านบาทภายในปี 2028 และขยายยอดขายภายใต้แบรนด์ Q Fresh เองจาก 300 ล้านบาท ไปสู่ 500 ล้านบาทใน 3 ปี
“หัวใจของการเติบโตคือความเร็วในการปรับตัว และการสร้างนวัตกรรมที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง” — ธนโชติ บุญมีโชติ
เกมรุกของ Q Fresh สะท้อนชัดว่า ตลาดอาหารทะเลแช่แข็งในวันนี้ ไม่ใช่การแข่งขันด้าน “ราคา” อีกต่อไป แต่คือ คุณภาพ การสร้างแบรนด์ และความเร็วในการปรับตัว หาก Q Fresh สามารถขับเคลื่อนกลยุทธ์ครบทุกด้าน ความฝันสู่การเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
3 กุญแจสู่ความสำเร็จ Q Fresh
สินค้าใหม่ตรงใจ – วิจัยและพัฒนาเมนูตอบโจทย์สุขภาพและความสะดวก
ช่องทางขายครบวงจร – รุกโมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซ และพันธมิตรค้าส่ง
แบรนด์แข็งแรงในใจผู้บริโภค – รีแบรนด์ + แคมเปญ Sealebration สร้างการจดจำ