มิกโซโลจิสต์ทั่วประเทศถึงเวลาเฮมาประชันฝีมือรังสรรค์เครื่องดื่มอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในงาน “ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2019” (DIAGEO Reserve World Class Thailand 2019) เวทีอันทรงเกียรติหนึ่งเดียวซึ่งจัดโดย บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัดที่จัดขึ้น เพื่อค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวแทนจากไทยไปชิงแชมป์ระดับโลก
กลับมาอีกครั้งกับเวทีการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์สัญชาติไทย DIAGEO Reserve World Class Thailand 2019 โดยในปีนี้ได้เพิ่มความคึกคักและลุ้นระทึกยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการจัดการแข่งขันเพื่อค้นหายอดฝีมือด้านการรังสรรค์เครื่องดื่มที่ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการจัดงานดังกล่าวที่จัดขึ้นใน 4 เมืองท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาคต่างๆ ของไทย
ทั้งนี้ ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2019 เริ่มเปิดเวทีการแข่งขันตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมาที่จ.เชียงใหม่ ตามด้วยภูเก็ตและเกาะสมุยในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะปิดท้ายที่กรุงเทพฯ ในเดือนเมษายนนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 4 ครั้งในรอบคัดเลือกกว่า 160 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2011 สำหรับการแข่งขันในรอบคัดเลือกเป็นการประชันฝีมือเพื่อสร้างสรรค์เครื่องดื่มจาก Johnnie Walker, Ketel One และ Tanqueray ซึ่งเป็นโจทย์หลักในการแข่งขันได้อย่างน่าทึ่ง จนได้บาร์เทนเดอร์ผู้ผ่านเข้ารอบจำนวน 33 คน คือ จากเชียงใหม่ 4 คน, ภูเก็ต 5 คน, เกาะสมุย 3 คน และจากกรุงเทพฯ 21 คน
ไฮไลท์พิเศษสุดของการจัดการแข่งขัน ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ในปีนี้ อเล็กซ์ซานเดอร์ คาลโรล ผู้อำนวยการฝ่ายขายกลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ปีนี้นับเป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาบาร์เทนเดอร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด นับแต่ที่เคยจัดขึ้นในประเทศไทย มาร่วม 9 ปี ทั้งในแง่การจัดรอบคัดเลือกที่เพิ่มขึ้นเป็น 4 ครั้งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศและจำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มากที่สุด เพื่อค้นหาบาร์เทนเดอร์ไทยไปแข่งขันชิงแชมป์ระดับโลก อีกทั้งช่วยพัฒนาศักยภาพ ทักษะฝีมือและความสามารถของผู้ประกอบอาชีพบาร์เทนเดอร์ในไทยให้มีมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส ทั้งยังเป็นการอัพเดทเทรนด์เครื่องดื่มของโลกอีกด้วย โดยเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่ผ่านการฝึกฝนและผ่านการทดสอบจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อการันตีถึงความมีมาตรฐาน ตลอดจนความสามารถ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และบริการชั้นเลิศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำค็อกเทลระดับโลกด้วย”
หลังจากนี้ ผู้เข้ารอบทั้ง 33 คนจะได้รับการฝึกอบรม Master Class ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะความสามารถด้านการผสมเครื่องดื่มในแบบฉบับเวิลด์คลาส ก่อนจะต้องประชันฝีมือกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2562 เพื่อค้นหา 6 บาร์เทนเดอร์ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เข้าไปสู่รอบ Semi-Final และเตรียมขึ้นสังเวียนการแข่งขันครั้งสำคัญของบาร์เทนเดอร์ไทยกับการชิงชัยในตำแหน่ง Thailand Best Bartender ในวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2562 เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์จากประเทศต่างๆ เพื่อแข่งขันชิงแชมป์บาร์เทนเดอร์ระดับโลกที่สก็อตแลนด์ในเดือนกันยายน 2562 ต่อไป