
การที่ HMD Global ได้รับสิทธิ์ต่อสัญญาในการผลิตและจัดจำหน่ายโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนภายใต้ชื่อ Nokia ต่อเนื่องอีก 2–3 ปี ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปี
แม้โลกสมาร์ทโฟนจะครองตลาด แต่ฟีเจอร์โฟนยังมีฐานผู้ใช้เฉพาะกลุ่มที่เหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ต้องการมือถือใช้งานง่ายและทนทาน กลุ่มองค์กรธุรกิจที่ใช้แทนโทรศัพท์สำนักงาน หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ที่มองหาทางเลือก Social Detox เพื่อลดการเสพติดดิจิทัล ฟีเจอร์โฟนจึงไม่ใช่ตลาดที่หายไป แต่กลับถูกยกระดับให้มีบทบาทใหม่ภายใต้พฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ HMD Global (ประเทศไทย) กล่าวว่า
“การต่อสัญญาครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Nokia และ HMD Global ที่จะยังคงรักษาฐานผู้ใช้ฟีเจอร์โฟน พร้อมต่อยอดสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สมาร์ทโฟนราคาจับต้องได้ โดยเฉพาะในตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างประเทศไทย เราเชื่อว่ากลยุทธ์มัลติแบรนด์จะช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง”
HMD ประเทศไทยเลือกใช้ กลยุทธ์มัลติแบรนด์ (Multi-Brand Strategy) โดยเดินหน้าทำตลาดทั้งในชื่อ HMD และ Nokia ควบคู่กัน
Nokia ยังคงเน้นจุดแข็งในฐานะแบรนด์ยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ความทนทาน และความคุ้มค่า เจาะตลาดฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนราคาประหยัด
HMD ทำตลาดสมาร์ทโฟนยุคใหม่ที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G/5G และการใช้งานแอปพื้นฐาน
การเดินเกมเช่นนี้ทำให้ HMD ไม่เพียงแต่รักษาฐานผู้ใช้เดิม แต่ยังสร้างสะพานเชื่อมไปสู่ผู้บริโภคที่พร้อมเปลี่ยนผ่านจากมือถือปุ่มกดไปสู่สมาร์ทโฟนราคาจับต้องได้ ซึ่งเป็น “ตลาดเติบโต” ที่มีโอกาสสร้างกำไรในอนาคต
แม้จะผ่านยุคทองของมือถือปุ่มกดมาแล้ว แต่ Nokia ยังคงรักษาภาพลักษณ์ “มือถือที่ไว้ใจได้” ซึ่งทำให้ตลาดไทยยังมีความต้องการสูง โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยม เช่น Nokia 105, Nokia 110 และตระกูล Rugged ตระกูลแกร่งกันน้ำกันกระแทก หรือ Rugged series เพื่อรองรับความต้องการใช้งานพื้นฐานที่ยังเติบโต และยังเตรียมส่งรุ่นราคาประหยัด ที่เชื่อมต่อ 4G/5G และรองรับแอปพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ที่เริ่มเปลี่ยนจากมือถือปุ่มกด

3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Nokia ยังแข็งแรงในไทย ได้แก่
ความคุ้นเคยและเชื่อมั่นในแบรนด์ – คนไทยผูกพันกับ Nokia มายาวนาน เชื่อถือในความทนทาน
การตอบโจทย์ผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม – ทั้งผู้สูงอายุ องค์กร และคนที่มองหามือถือเพื่อ Social Detox
ราคาที่เข้าถึงได้ – Nokia ยังคงรักษาจุดยืนด้านความคุ้มค่า ขณะเดียวกันก็มีแผนเพิ่มรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G/5G เพื่อปรับตัวกับตลาด
ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยยังคงแข่งขันดุเดือด ทั้งแบรนด์จีนที่ใช้กลยุทธ์ราคาและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ไปจนถึงแบรนด์เกาหลีที่เน้นพรีเมียม การที่ HMD ต่อสิทธิ์ Nokia จึงช่วยเพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค โดยใช้กลยุทธ์ “คุณภาพยุโรปในราคาที่จับต้องได้”
HMD มองว่า “ประเทศไทย” เป็นตลาดศักยภาพสูง เนื่องจากมีทั้งผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนจำนวนมาก และผู้บริโภคที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น ซึ่งการเดินเกมแบบสองขา (Feature Phone + Affordable Smartphone) ทำให้ HMD สามารถเก็บฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น
การต่อสิทธิ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการขยายเวลา แต่คือการวางหมากสำคัญของ HMD Global ในการรักษา “ตัวตน” ของ Nokia และต่อยอดไปสู่ตลาดอนาคต การเดินเกมมัลติแบรนด์จะทำให้ HMD ครองพื้นที่ทั้งตลาดฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนในไทย ซึ่งหากทำได้สำเร็จ อาจเป็นการคืนชีพให้ “Nokia” กลับมาเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังในใจผู้บริโภคอีกครั้ง





