
การประชุมมีผู้แทนจากสมาคมหลักในอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วม อาทิ สมาคมการแสดงสินค้าไทย, สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติไทย (TICA), สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA), สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA), สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ทุกสมาคมได้ร่วมกันเสนอแนวทางสนับสนุนแคมเปญ “Quick Win” ที่สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อกระตุ้นการจัดประชุม นิทรรศการ และอีเวนต์ในประเทศ พร้อมเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไมซ์ไทยในตลาดโลก
สมาคมการแสดงสินค้าไทย
เสนอให้ภาครัฐลดค่าเช่าพื้นที่และค่าก่อสร้าง จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้จัดงาน และจัดตั้งศูนย์บริการ One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ
สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติไทย (TICA)
เสนอให้มุ่งเน้นตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง ควบคู่กับการส่งเสริมการจัดงานในเมืองรอง และขยายระยะเวลาของแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจให้ครอบคลุมช่วง Low Season
สมาคมโรงแรมไทย
เสนอให้เร่งรัดการจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานราชการ ปรับอัตราเบิกจ่ายค่าที่พักและค่าประชุมสัมมนาให้เหมาะสม รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ
สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA)
เสนอให้ปรับปรุงขั้นตอนขออนุญาตจัดงาน ลดภาษีและจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้สนับสนุน พร้อมจัดตั้ง Creative Zone/Festival Zone ในเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อเพิ่มสีสันและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA)
เสนอแนวคิดจัดโครงการ “Thailand Exposition” เพื่อสร้างเวทีเผยแพร่ความรู้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงการลงทุนใหม่ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เสนอให้รัฐสนับสนุนการจัดประชุมนอกจังหวัด เพื่อสร้าง Multiplier Effect ให้เศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมพิจารณา Soft Loan ระยะยาว สำหรับผู้ประกอบการ
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เสนอให้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในโครงการ “คนละครึ่ง” สำหรับร้านอาหารและบริษัทเอกชน พร้อมกระตุ้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และผลักดันงบประมาณภาครัฐเพื่อสนับสนุนการจัดอีเวนต์และอบรมสัมมนา
ทีเส็บในฐานะหน่วยงานหลักด้านไมซ์ของประเทศ ได้ริเริ่มการประชุมครั้งนี้เพื่อแสดงบทบาทนำในการรวมพลังทุกภาคส่วน เดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์ให้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการดำเนินโครงการ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” ที่ส่งเสริมการจัดประชุมภายในประเทศ และโครงการ “Hero 1000 Million” ที่มุ่งดึงงานระดับนานาชาติสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการ Quick Big Win จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ภาครัฐและเอกชนสามารถเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์เท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญญาณแห่งความหวัง” ว่าประเทศไทยกำลังใช้พลังของไมซ์เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ด้วยแนวทาง “Quick Big Win” ที่เน้นการลงมือทำได้จริง ภายในระยะเวลาอันสั้น รัฐบาลและทีเส็บจะสามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้เกิดขึ้นในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การสร้างงาน และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ “ไมซ์ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างคุณค่าให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคง”





