
Trip.com เปิดเผยภาพรวมเทรนด์ท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2568 ในงาน “Trip.Best Roadshow” โดยพบว่านักท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างชัดเจน จากการเที่ยวแบบเช็กอินสถานที่ ไปสู่การเที่ยวเชิงประสบการณ์มากขึ้น โดยเมืองรองในจีนกำลังกลายเป็นจุดหมายใหม่ที่ฮิตแรงที่สุด

ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Trip.Best ระบุว่า “ฉงชิ่ง” เป็นเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดของนักท่องเที่ยวไทย ยอดค้นหาเพิ่มเกือบ 400% และยอดจองพุ่งถึง 828% ปัจจัยสำคัญคือบรรยากาศเมืองภูเขา อาหารรสจัดถูกปาก และประสบการณ์วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนเมืองใหญ่ยอดนิยม
ขณะที่เซี่ยงไฮ้ยังเป็นปลายทางอันดับ 1 สำหรับคนไทย โตเกิน 300% ส่วนฮ่องกง โตเกิน 50% โอซาก้า โต 132% และโตเกียว โต 71% แสดงให้เห็นว่าจีนและญี่ปุ่นยังเป็นเส้นทางหลักของนักเดินทางไทยในปีหน้า
พฤติกรรมค้นหากิจกรรมและประสบการณ์เพิ่มขึ้นถึง 808% โดยหมวด “สถานที่หลบร้อน” โตพุ่งถึง 1,941% สอดคล้องกับเทรนด์ค้นหาความแปลกใหม่ และสถานที่เฉพาะทางมากขึ้น ไม่ใช่แค่เที่ยวตามแลนด์มาร์กทั่วไป
ข้อมูลยังพบว่า คนไทยใช้เวลาเฉลี่ย 6 วันในการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจจอง ถือเป็นกลุ่มที่วางแผนละเอียดที่สุดในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมต้องการประสบการณ์คุณภาพและตอบโจทย์จริง
ตัวแทน Trip.com ระบุว่า นักท่องเที่ยวไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม และเลือกการเดินทางที่พอดีระหว่างความสะดวกสบายและความแปลกใหม่ ซึ่งระบบ AI บน Trip.Best จะช่วยแนะนำประสบการณ์ที่ตรงใจได้มากขึ้น
KOL–อินฟลูเอนเซอร์ มีอิทธิพลสูง
ตัวเลขที่น่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวไทยกว่า 95% ค้นหาผ่านคำแนะนำบนแพลตฟอร์มดิจิทัล และถึง 45% หาข้อมูลจากคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยอดซื้อผ่านโค้ดโปรโมชันจาก KOL เพิ่มมากกว่า 120%
เที่ยวไทยยังโต กรุงเทพ–เชียงใหม่–ภูเก็ตมาแรง
แม้การท่องเที่ยวต่างประเทศจะคึกคัก แต่การท่องเที่ยวในประเทศของไทยยังขยายตัว 25% โดยกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต ติดท็อปปลายทางยอดนิยมต่อเนื่อง
นักท่องเที่ยวไทยเทใจให้ “ประสบการณ์” มากกว่าสถานที่
เมืองรองจีนเปิดตัวแรง โดยเฉพาะ “ฉงชิ่ง”
คนไทยใช้เวลาเลือกทริปมากขึ้น และพึ่งรีวิว–อินฟลูเอนเซอร์สูง
เที่ยวไทยยังโตต่อเนื่อง ไม่แผ่ว
บทสรุปคือ “ปี 2568 การท่องเที่ยวของคนไทยไม่ได้แค่ไปเที่ยว แต่ไปค้นหาประสบการณ์ใหม่จริงๆ”





