
ผลสำรวจ Pulse of Change โดยเอคเซนเชอร์สะท้อนภาพใหญ่ของภาวะธุรกิจปี 2025 ว่าผู้บริหารทั่วโลกต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นในหลายมิติ แต่กลับยังมี “ช่องว่างความพร้อมในการปรับตัว” โดยเฉพาะด้านบุคลากรและความสามารถในการนำ AI มาใช้เชิงโครงสร้างขององค์กร
จากข้อมูลพบว่า 90% ของผู้บริหารรู้สึกว่าโลกเปลี่ยนเร็วขึ้น แต่มีเพียง 42% ที่มั่นใจว่าองค์กรพร้อมรับมือ ขณะที่ 22% คาดว่ารายได้จะชะลอในปี 2025 สะท้อนแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ ภาษีศุลกากร และภูมิรัฐศาสตร์
การลงทุน Agentic AI เพิ่มขึ้น แต่ความเข้าใจในองค์กรยังห่างกัน
แม้องค์กรกว่า 60% มีการลงทุนใน Agentic AI อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความไม่เข้าใจบทบาทของ AI ภายในองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานที่ยังไม่ได้รับข้อมูลหรือทักษะที่เพียงพอ ทำให้ AI ไม่ได้ถูกนำไปใช้จริงอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ปัจจุบันมีองค์กรเพียง 3 ใน 10 ที่นำ AI Agent มาใช้งานจริงในกระบวนการทำงาน ขณะที่พนักงานจำนวนมากยังไม่รู้ว่าต้องทำงานร่วมกับ AI อย่างไร ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นด้านการสื่อสาร วิเคราะห์ทักษะ และการเตรียมบุคลากรให้พร้อมต่อระบบอัตโนมัติ
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการลงทุน Agentic AI ที่สูงถึง 63% และกว่า 83% ของผู้บริหารเชื่อว่าองค์กรมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี ซึ่งสะท้อนว่าภูมิภาคนี้กำลังเป็นหนึ่งใน “ผู้นำการประยุกต์ใช้ AI” เพื่อเพิ่มศักยภาพองค์กร
เอคเซนเชอร์เสนอแนวทางที่ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
ยึดคนเป็นศูนย์กลาง
เน้นธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
วิสัยทัศน์ระยะยาว
บริหารความเสี่ยงรอบด้าน
การสื่อสารอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง
ทิศทางเหล่านี้สะท้อนว่า AI ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นโครงสร้างการบริหารที่ต้องใช้ทั้งความรับผิดชอบ ความเข้าใจบุคลากร และการสื่อสารอย่างรอบคอบ

ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย ระบุว่า การลงทุนใน Agentic AI จะช่วยให้องค์กรไทยปิดช่องว่างด้านความพร้อม และเดินหน้าสู่การเป็น “ศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค” แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นต่อเมื่อองค์กรให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก ไม่ใช่เพียงการนำเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่คน
Agentic AI กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ที่จะเปลี่ยนการทำงานของผู้บริหารทั่วโลก แต่ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่ “การมี AI” แต่อยู่ที่การ “ทำให้คนพร้อมใช้ AI”
องค์กรที่สร้างวัฒนธรรมเรียนรู้ เปิดโอกาสให้พนักงานทำงานร่วมกับ AI และลงทุนด้านบุคลากร จะสามารถปิดช่องว่างด้านความพร้อม และสร้างความยืดหยุ่นท่ามกลางโลกธุรกิจที่เปลี่ยนเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นี่คือจุดที่ AI จะไม่ใช่แค่ “เทคโนโลยี” แต่เป็นโครงสร้างใหม่ของการบริหารองค์กรในอนาคต





