กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดงานประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan Sharing) ปี 2562 ภายใต้แนวคิด “ก้าวเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน ของระบบสุขภาพไทย” มุ่งพัฒนาบริการสุขภาพ 19 สาขา ยกระดับมาตรฐานการรักษา เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนไทย
นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดงานการประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan Sharing) ประจำปี 2562 ว่า “งานประชุมสัมมนาในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แนวความคิด “ก้าวเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน ของระบบสุขภาพไทย” พัฒนาระบบบริการที่เชื่อมโยงจากระดับปฐมภูมิจนถึงศูนย์เชี่ยวชาญที่ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพใกล้บ้าน แบบไร้รอยต่อ ลดความเหลื่อมล้ำ ได้รับบริการที่รวดเร็วภายในเขตสุขภาพหรือในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อลดอัตราป่วย อัตราตาย ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง”
"ปัจจุบันทุกเขตสุขภาพมีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพทั้ง 19 สาขาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
สาขาโรคหัวใจ มีศูนย์เชี่ยวชาญโรคหัวใจ สามารถตรวจสวนหัวใจและขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน 27 แห่ง และสามารถผ่าตัดหัวใจแบบเปิดได้ 26 แห่ง โรงพยาบาลที่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ 787 แห่ง และตั้งหน่วยดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านลิ่มเลือดวาร์ฟาริน 690 แห่ง
สาขาโรคมะเร็ง สามารถให้บริการด้านรังสีรักษาผู้ป่วยได้ใน 9 โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ สาขาการรับบริจาคและการปลูกถ่ายอวัยวะมีศูนย์การปลูกถ่ายอวัยวะครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ
สาขาตา จัดตั้งศูนย์เชี่ยวชาญด้านจอตา มีปลูกถ่ายกระจกตาครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ และคัดกรองผู้ป่วยต้อกระจกชนิดบอดให้ได้รับการผ่าตัดภายใน 30 วัน ร้อยละ 83.42 สาขาสุขภาพจิตและจิตเวช เพิ่มการเข้าถึงบริการในโรคซึมเศร้าได้ถึงร้อยละ 65.17
สาขาออร์โธปิดิกส์ ให้บริการผ่าตัดผู้ป่วยที่กระดูกหักได้ภายใน 6 ชั่วโมง และผ่าตัดผู้ที่กระดูกต้นขาหักภายใน 72 ชั่วโมง
สาขาไต ให้บริการคลินิกโรคไตเรื้อรัง (CKD) ในโรงพยาบาลทุกระดับเชื่อมโยงกับคลินิกหมอครอบครัว (PCC) โดยความท้าทายของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ คือการทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ เข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพ โดยเครือข่ายบริการเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ สามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จภายในเครือข่ายบริการ” นายแพทย์ประพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย
อนึ่ง การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความสำเร็จการพัฒนาระบบบริการสุขภาพแต่ละพื้นที่ เพื่อนำจุดเด่นไปปรับใช้ในเขตสุขภาพ ในปีนี้ มีผลงานเด่นด้านวิชาการและนวัตกรรมที่ได้รับการคัดเลือกให้นำเสนอ ทั้งการนำเสนอด้วยวาจา และจัดนิทรรศการ/โปสเตอร์ ใน 19 สาขา รวม 129 เรื่อง พร้อมทั้งการมอบรางวัลผลงานวิชาการและนวัตกรรมดีเด่น
โดยมีผู้บริหารส่วนกลางและส่วนภูมิภาค คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพระดับประเทศและทุกเขตสุขภาพ ผู้บริหารสำนักงานเขตสุขภาพ ราชวิทยาลัย ผู้ปฏิบัติงานและภาคีเครือข่ายร่วมประชุม 1,500 คน