‘ชิมช้อปใช้’ อย่างไรให้สำเร็จ (How to 'Taste, Shop, Use' Successfully)
14 Oct 2019

ลงทะเบียนครบถ้วนไปแล้ว 10 ล้านคนสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลประยุทธ์ 2 ในวงเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนและคัดค้านทั่วสารทิศ ทั้งจากคนที่รู้จริง และคนที่รู้บ้างไม่รู้บ้าง อาศัยฟังๆ มาขยายความต่อ

‘มาร์เก็ต พลัส’ ขอก้าวข้ามผ่านเรื่องราวเหล่านั้น และมาดูว่าเราต้องใช้แอปพลิเคชันนี้อย่างไร ถึงจะใช้เงิน 1,000 บาทได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งกับตัวเราเองและประเทศชาติ

เป๋าตัง

พระเอกของมาตรการนี้ ภายในแอปมี 2 ฟีเจอร์คือ ฟีเจอร์สำหรับผู้ลงทะเบียนสิทธิ ‘ชิมช้อปใช้’ โดยสามารถใช้สิทธิซื้อสินค้า 1,000 บาท ที่ร้านค้าถุงเงินตามจังหวัดที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ โดยกดที่ ‘ใช้สิทธิซื้อสินค้า 1,000 บาท’ แถบสีเขียวเข้ม

ทั้งนี้ ต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 14 วัน นับจากวันที่เงินเข้าในแอปแล้ว หลังจากใช้ครั้งแรกแล้ว จะสามารถใช้ได้ไปถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 อันเป็นวันที่สิ้นสุดมาตรการ

โดยหากใช้ไม่หมด เงินจะถูกดึงกลับ ไม่สามารถใช้ได้อีก เพราะฉะนั้นต้องใช้ให้หมด ส่วนที่ไม่พอจ่าย สามารถชำระเป็นเงินสดได้ โดยคุยกับร้านค้าที่นำไปใช้จ่าย

ถัดไปด้านล่างที่อยู่ติดกันเป็นแถบสีเขียวอ่อน ‘ใช้สิทธิรับเงินคืน 15%’ โดยในส่วนนี้เรียกว่า ‘G-Wallet’ สามารถสร้าง QR Code เพื่อรับเงินเข้าแอปเพื่อใช้จ่าย และใช้เงินเพื่อทำรายการ โอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล โอนเงินพร้อมเพย์ และสแกน QR Code ได้

โดยหากใช้จ่ายที่ร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ (จังหวัดที่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน) ในส่วนร้านค้าที่เข้าร่วม จะได้รับเงินชดเชยคืน 15% (Cash Back) สูงสุด 4,500 บาทตลอดมาตรการ (27 กันยายน - 30 พฤศจิกายน 2562) โดยจะได้รับเงินคืนภายในเดือนธันวาคม 2562

อีกฟีเจอร์สำหรับผู้มีบัญชีกรุงไทย สามารถผูกบัญชีเข้ากับแอปเพื่อโอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล หรือแม้แต่ ‘เติมบุญ’ (e-Donation) สแกนบริจาคผ่านแอป รับใบอนุโมทนาทางอีเมลได้ทันที พร้อมส่งข้อมูลเพื่อใช้ลดหย่อนภาษี โดยฟีเจอร์นี้รองรับการสร้างและสแกน QR Code เพื่อรับเงิน โอนเงิน หรือชำระเงิน ตามมาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ยังรองรับบริการสำหรับลูกค้ากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในการดูข้อมูล และชำระเงิน

ถุงเงิน

ถ้า ‘เป๋าตัง’ เป็นพระเอกของมาตรการ ‘ถุงเงิน’ ก็ไม่แคล้วต้องเป็นนางเอก เนื่องด้วยเป็นแอปพลิเคชันสำหรับร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือกให้สามารถรับเงินจากมาตรการดังกล่าว โดยคุณลักษณะเด่นนอกจากจะสแกนรับเงินจากแอปเป๋าตังได้แล้ว ยังสามารถสแกนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อรับชำระเงินได้อีกด้วย

ภายในแอปมีรายงานการขาย สรุปยอดขายประจำวัน สะดวก เข้าใจง่าย โดยสามารถดูประวัติยอดขาย ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน

ขั้นตอนการใช้

  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ‘ถุงเงิน’
  • เข้าใช้งานด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้กับธนาคาร
  • เปิดแอปพลิเคชัน และกด ‘สแกนรับเงิน’
  • กรอกจำนวนเงินที่ต้องการรับชำระฅ
  • สแกนคิวอาร์โค้ดภายในแอป หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของลูกค้า
  • ยืนยันการรับชำระ

‘ชิมช้อปใช้’ ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อไล่ดูจากเงื่อนไขต่างๆ ของมาตรการ ไม่ว่าจะเป็น ให้เลือกใช้จ่ายในจังหวัดที่ไม่ใช่ในทะเบียนบ้านของตน ทำให้กลุ่มประชากรแฝงที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งหลายได้ประโยชน์จากมาตรการนี้เต็มๆ สามารถใช้จ่ายเงิน 1,000 บาทได้อย่างสะดวกโยธิน ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันหรือค่ารถเดินทางไปจังหวัดนั้นๆ อันเป็นจุดมุ่งหมายของมาตรการที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว

รวมถึงไม่ต้องห่วงว่าจะถูกตัดสิทธิเนื่องจากผิดเงื่อนไข ในเหตุที่ไม่ได้ใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 14 วัน สามารถค่อยๆ ทยอยชิม ทยอยช้อป ทยอยใช้ ไปพร้อมๆ กับการดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ

นอกจากนี้ หากใช้เงิน 1,000 หมดแล้ว ยังสามารถเติมเงินเข้า ‘G-Wallet’ เพื่อใช้สิทธิรับเงินคืน 15% โดยรายการยอดใช้จ่ายและยอดเงินคืนจะแสดงอยู่ภายในแอป ซึ่งสามารถนำเงินส่วนที่ได้คืนมานี้ไปใช้จ่ายผ่านแอปต่อ หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อกดเงินสดออกมาใช้ก็ได้

ขณะที่ผู้ทำงานอยู่ในถิ่นฐานของตัวเอง หรือผู้ที่เลือกใช้จ่ายในจังหวัดอื่นไว้ ต้องหาเรื่องไปจังหวัดนั้นภายใน 14 วัน ซึ่งทางมาตรการก็ได้อำนวยความสะดวก โดยนอกจากจะหาร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com แล้ว ยังสามารถหาร้านผ่านแอปพลิเคชัน ‘กูเกิล แมป’ (Google Map) ซึ่งจะมีการแสดงข้อความ ‘ร้านค้าชิมช้อปใช้’ ขึ้นกำกับหลังชื่อร้านค้านั้นๆ ได้อีกด้วย

ที่สุดแล้ว มาตรการนี้จะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระจายเงินไปสู่ฐานรากตามจุดมุ่งหมายของรัฐบาลได้มากน้อยเพียงใด ไม่เพียงแต่เฉพาะ ‘ชิมช้อปใช้’ เท่านั้น เงินบริสุทธิ์ที่เราหามาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะไปใช้จ่ายกับเจ้าสัวหรือชาวบ้านร้านตลาด

'เราเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ขาดกำหนดเอง'

[อ่าน 1,962]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บ้านส้มตำ กรุ๊ป ทุ่มทุน 40 ล้านบาท ปักธงสาขาใหม่ใจกลางทำเลทองอย่าง “รังสิต” ประตูสู่ภาคเหนือและภาคอีสาน
คลายร้อนรับซัมเมอร์ กับเมนูอร่อยเติมความเฟรชให้ร่างกาย จากร้านดังที่ไอคอนสยาม และ ไอซีเอส
“EAT OUT” เฉลิมฉลองเทศกาลอาหารตลอด 90 วัน
ฉลองเทศกาลอีสเตอร์ ที่โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ
ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ จับมือ 2 พันธมิตรรถเช่ารายใหญ่ มุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับ
“คาเฟ่ ชิลลี่” ชวนเปิดประสบการณ์ อีสาน โซล ฟู้ด สาขาล่าสุด ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved