บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ ฉลองครอบรอบ 30 ปี สุดยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสำเร็จ “ผู้นำตลาดเบอร์หนึ่งในสีอุตหสากรรมหนักและสีทาเรือของประเทศไทย”
พิศิษฐ์ บุญจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชูโกกุ มารีน เพ้นท์ จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ฉลองครบรอบ 30 ปี ขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดสีกลุ่มสีอุตสาหกรรมหนักและสีทาเรือสูงสุดในประเทศไทยถึงกว่าร้อยละ 50 พร้อมก้าวขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดในอาเซียน
โดยในปี 2562 บริษัทฯ วางกลยุทธ์ธุรกิจด้วยการมุ่งขยายตลาด สร้างฐานผลิตในภูมิภาคอาเซียน เริ่มจากประเทศเมียนมาร์ ซึ่งบริษัทฯ เตรียมงบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตสี และคลังจัดเก็บสินค้าในพื้นที่ขนาด 12 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมติลาวา ภายใต้ชื่อ บริษัท ชูโกกุ –ทีโอเอ เพ้นท์ (เมียนมาร์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทีโอเอ-ชูโกกุ เพ้นท์ จำกัด ประเทศไทย กับบริษัท ชูโกกุ มารีน เพ้นท์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยโครงการก่อสร้างเฟส A นี้อยู่ใกล้นคร ย่างกุ้ง
คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนปี 2563 และคาดว่าหลังจากเริ่มการผลิตและจำหน่ายในประเทศเมียนมาร์ภายในช่วง 5 ปีแรก จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากประเทศเมียนมาร์ประกอบธุรกิจการประมงเป็นเศรษฐกิจหลักอันดับ 3 ของประเทศ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์สีทาเรือคุณภาพสูงของชูโกกุที่มีประสบการณ์ด้านนี้มากว่า 100 ปี รวมถึงการจำหน่ายสีทาโครงเหล็กที่มีความทนทานสูงให้กับโครงการใหญ่ๆ อีกหลายโครงการในประเทศเมียนมาร์
ส่วนแผนกลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเน้นการพัฒนาเพิ่มเติมในผลิตภัณฑ์และองค์กรเพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Green Product โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ Low VOCs และพัฒนานวัตกรรม BIO CLEAN (สีกันเพรียง) เนื้อสีเป็นซิลิโคน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารพิษ สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่าสีกันเพรียงปกติ
สำหรับผลประกอบการใน 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรมหนัก มูลค่า 910 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 70 และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาเรือ สีทาตู้คอนเทนเนอร์อีกมูลค่า 390 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 โดยเมื่อเทียบสัดส่วนรายได้ 6 เดือนจากปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ เติบโตขึ้นประมาณ 20% หรือคิดเป็นมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทั้งปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% หรือคิดเป็นมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมจากการจำหน่ายประมาณ 2,300 ล้านบาท จากผลประกอบการในปี 2561 ที่บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท