บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป ผู้นำด้านธุรกิจ Social Entertainment ของเอเชีย (ประเทศไต้หวัน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดย มร.โจเซฟ ฟัว ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โดยได้ดำเนินธุรกิจ สตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม, แอปพลิเคชัน และโซเชียล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประเทศไต้หวัน จนประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันรวดเร็ว และในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจในอีกหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, เวียดนาม และประเทศไทยในช่วงกลางปี 2019 ที่ผ่านมาภายใต้ชื่อ บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ โดยปัจจุบันมียอดผู้ใช้บริการ สตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม, แอปพลิเคชัน และโซเชียล เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ของบริษัทฯ มากกว่า 40 ล้านคนทั่วโลก
นิธินันท์ อัศวทร Thailand Country Head บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ กล่าวว่า “สำหรับที่มาของตัวเลข '17' มาจากวลีที่พ้องเสียงกันในภาษาจีน แปลว่า 'การอยู่ร่วมกัน' (Together) ซึ่งจะเหมือนกับธุรกิจของเราที่ไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่หรือเวลาใด 'Social Entertainment' และ 'Social Media' ก็สามารถเชื่อมโยงทุกคนให้เกิดการสื่อสารและอยู่ร่วมกันได้เสมอโดยในปัจจุบันเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านการแชทออนไลน์ หรือ 'ซี คอมเมิร์ซ' (Conversational Commerce) กำลังเป็นเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ของคนยุคใหม่
จากผลสำรวจของเฟซบุ๊กประเทศไทย พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และมีนักช้อปผ่านช่องทางซีคอมเมิร์ซสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีมูลค่าสูงถึง 4.8 พันล้านเหรียญ และยังมีรูปแบบการซื้อขายสินค้าที่แตกแขนงออกมาจาก 'ซี คอมเมิร์ซ' อีกที่กำลังถือว่ามาแรงนั่นก็คือ รูปแบบของ 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' คือการเชื่อมโยงระหว่างโซเชียลมีเดีย, อีคอมเมิร์ซ และ สตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม เข้าไว้ด้วยกัน โดยผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตอบโต้สื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถเพิ่มยอดการขายให้กับผู้ขายได้มากขึ้น และบริษัทฯ มองเห็นถึงโอกาสในการทำตลาด 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' ในประเทศไทยให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด ประกาศตัวทำตลาดนี้อย่างชัดเจน
บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ จึงขอประกาศตัวเป็นผู้นำในการรุกตลาดธุรกิจ 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' เปิดตัว 'แฮนด์ อัพ' Live-Commerce Solutions เจ้าแรกในประเทศไทย ตัวช่วยที่จะทำให้การไลฟ์ขายของบนโลกออนไลน์ของคุณนั้น...ง่ายนิดเดียว” นิธินันท์ กล่าว
อรรถพล สินฉลอง Marketing & Business Development Director บริษัท เอ็มเซเว่นทีน เซอร์วิสเซส ไทยแลนด์ กล่าวว่า “สำหรับ 'แฮนด์ อัพ' คือรูปแบบของ 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' ที่ทาง บริษัทฯ ได้ชูเป็นโซลูชั่นแรก ในการรุกตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดย 'แฮนด์ อัพ' จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการระบบมีฟังค์ชั่นการใช้งานในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ช่วยสนับสนุนและปิดการขายให้กับผู้ขาย หรือร้านค้าบนโลกออนไลน์ที่ทำการ 'ไลฟ์สด' สามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความมั่นใจ และความสะดวกสบายแก่ผู้ซื้อสินค้าได้ด้วยเช่นกัน”
นอกจากนั้นแล้วอรรถพลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เราต้องการทำให้ธุรกิจ 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' เป็นที่แพร่หลายเช่นเดียวกับในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ที่ธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยแพลทฟอร์ม 'แฮนด์ อัพ' ได้เปิดตัวในปี 2019 มีร้านค้าที่ไลฟ์ขายของในระบบมากกว่า 7,000 ราย ในเอเชีย
สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลุ่มเป้าหมายหลักไว้ คือ กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีประสบการณ์การขายสินค้าผ่านช่องทาง 'ไลฟ์สด' บนโลกออนไลน์ หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมืออาชีพด้าน 'ไลฟ์ คอมเมิร์ซ' มาช่วยจัดการโซลูชั่นด้านการขาย และทำการตลาดแบบครบวงจร ซึ่งบริษัทฯ ยังมีบริการ 'นักไลฟ์' หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดและไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อ ทั้ง KOL (Key Opinion Leader) และ Influencer มาเป็นตัวช่วยรีวิวและทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ต่างๆ ให้กับสินค้าหรือแบรนด์ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังโน้มน้าวจิตใจของกลุ่มผู้บริโภคให้หันมาสนใจสินค้าหรือแบรนด์มากขึ้น
ซึ่งในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้เปิดช่องทางรับสมัครสำหรับผู้ที่สนใจจะเป็น 'นักไลฟ์' ผ่านช่องทาง https://www.naklive.net/ เพื่อช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้และสร้างความเป็นเอกลักษณ์ แก่ผู้ที่สนใจเป็นนักไลฟ์มืออาชีพในอนาคตอีกด้วย”
“เราคาดหวังว่า จากการเปิดตัว 'แฮนด์ อัพ' Live-Commerce Solutions อย่างเป็นทางการในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ โดยตั้งเป้าประมาณการรายได้ในปีแรกไว้ที่ 10% ของส่วนแบ่งตลาดไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์ และตลาดซีคอมเมิร์ซ นอกจากนั้นเรายังคงมีเจตนารมณ์ในการสนับสนุนและขับเคลื่อนเครือข่ายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ให้มีการเติบโตและเข้มแข็งตามนโยบายของรัฐบาลรวมทั้งการส่งเสริม และพัฒนาในกลุ่มธุรกิจ SME ให้มีความสามารถในการแข่งขันได้อย่างแท้จริงซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างอาชีพ และรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกช่องทางด้วย” อรรถพล กล่าว