“แสนสิริ” สร้างประวัติศาสต์โอนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เติบโตจากปีก่อนถึง 152% คิดเป็น 60% จากเป้าโอน 4.2 หมื่นล้านบาท เปิดตัวโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิต เป็น 1.2 ล้านตารางเมตรต่อปี รุกเดินหน้าต่อด้วยแผนโอนอีก 5 คอนโดฯ ใหม่ พร้อม Presale Backlog รอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปีถึง 5.35 หมื่นล้านบาท
อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา “แสนสิริ” ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ สามารถปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยถึง 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3.45 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 25,220 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดการโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ “แสนสิริ” แบ่งเป็นยอดโอนในไตรมาสแรก 8,535 ล้านบาท และยอดโอนในช่วงไตรมาสสอง 16,685 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนโครงการแนวราบเติบโตขึ้นจากปีก่อน 59% และโครงการคอนโดมิเนียมมียอดโอนเติบโตกว่า 299% รวมถึงยังมีจำนวน Secure โอนคอนโดมิเนียมที่สูงถึงเกือบ 90% จากจำนวนยูนิตสร้างเสร็จประมาณ 1 หมื่นยูนิต ซึ่งนับเป็นอัตราส่วนที่ดีที่สุดในตลาดสำหรับการขายและการโอนในขณะนี้
ผลงานการโอนดังกล่าว ยังมาจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพจากการรุกขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยภายใต้ระบบพรีคาสต์ โดยได้เปิดตัวโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิต เป็น 1.2 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อเตรียมส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพโดยได้เริ่มเดินหน้ากำลังการผลิตในไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยในปี 2563 “แสนสิริ” มีพันธกิจในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพใหลูกค้าตามเป้าหมายการโอนใหม่ที่มีการปรับเพิ่มจาก 3.3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายล่าสุด 4.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มียอดโอนหลักจากโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คาวะ เฮาส์เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101, เดอะ ไลน์ พหลฯ–ประดิพัทธ์ และเดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง เป็นต้น รวมถึงโครงการแนวราบทั้ง บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม มิกซ์ โปรดักส์ และลักซ์ชัวรี โฮม ออฟฟิศ อาทิ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ จรัญฯ-ปิ่นเกล้า2, บุราสิริ พัฒนาการ, สิริ เพลส สุขสวัสดิ์-พระราม3, สิริ เพลส เพชรเกษม–สาย 4 มิกซ์โปรดักส์ อณาสิริ บางใหญ่ และลักซ์ชัวรีโฮมออฟฟิศ ไทเกอร์ เลน เป็นต้น สามารถสร้างยอดโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้กว่า 25,220 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดี่ยวกันของปีก่อนถึง 152% คิดเป็น 60% จากเป้าหมายการโอนใหม่ 4.2 หมื่นล้านบาท
นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ ยังเหลือพันธกิจในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายอีกเพียง 16,780 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการโอน ซึ่งจะผลักดันสู่รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม โดยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 5 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย โอกะ เฮาส์ และ ลา ฮาบานา หัวหิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี อีกถึง 5.35 หมื่นล้านบาท
“บริษัทฯ มีแผนผลักดันยอดขายให้เติบโตสู่ 1.2 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี ด้วยแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่ง 3 แนวทางได้แก่ 1.การเปิดตัวโครงการใหม่ที่รัดกุมพร้อมปรับเปลี่ยนไปตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยในช่วงครึ่งปีหลังจากการประเมินภาพรวมสถานการณ์ต่าง ๆ ยังมีแผนเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่รองรับการเติบโตอีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.67 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.41 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.6 พันล้านบาท 2.การบริหารสต็อกที่ดี โดยปัจจุบันมีสินค้าพร้อมขายมูลค่าประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่มีความสมดุลในตลาด 3.การบริหารกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่ดี โดยการจัดสรรเงินหมุนเวียนในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อรวมกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากผลตอบรับในการปิดการขาย Subordinated Perpetual Bond ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทฯ มีสภาพคล่องในมือรวมเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท ทำให้มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและมีความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์” นายอภิชาต กล่าวในที่สุด