SCG แถลงผลงานครึ่งแรกปี 63 เน้นปรับตัวไว - เร่งเครื่องธุรกิจ
30 Jul 2020

 

จากการแถลงผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/2563 ของ เอสซีจี ที่มีรายได้จากการขาย 105,741 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง ตามดีมานด์สินค้าในตลาดโลกที่ลดลง แต่ก็ยังใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2562 โดยมีกำไรสำหรับงวด 6,971 ล้านบาท ลดลง 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง  2% จากไตรมาส 4/2562 ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าลดลง

 

แต่เมื่อขยับมาอีกไตรมาสเข้าถึงครึ่งแรกของปี 2563 ประเด็นที่ รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคยกล่าวไว้ว่า ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ช่วงไตรมาสแรกคงยังเห็นผลไม่ชัดเจน และน่าจะเห็นผลได้ชัดเจนในไตรมาส 2 หรือช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่เมื่อแถลงผลการดำเนินงานจริงๆ ในไตรมาส 2 แม้ภาพรวมจะลดลงไปบ้างทั้งรายได้จากการขาย แต่ก็มีผลกำไรสำหรับงวดดีขึ้น อีกทั้งยังจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ในอัตรา 5.5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 6,600 ล้านบาท  

 

ทั้งนี้ เอสซีจีเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทเน้นปรับตัวอย่างว่องไว ระแวดระวังที่จะไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกับการลงทุน อีกทั้งคุมเข้มมาตรการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจเคมิคอลส์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของเอสซีจีเองก็มีหลายตัวที่เป็นดาวเด่นตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้ายุค New Normal ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแพ็กเกจจิ้งหรือกลุ่มโลจิสติกส์ พร้อมกับการเดินหน้ารักษาเสถียรภาพของธุรกิจในระยะยาวด้วยการพัฒนาโซลูชั่น - นวัตกรรมอย่างครบวงจร 

 

 

ภาพรวมผลประกอบการ

ไตรมาส 2/2563

  • รายได้จากการขาย 96,010 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงและลดลง 9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ของธุรกิจหลักลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 9,384 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักที่ดีขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการจัดการการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และเพิ่มขึ้น    35% จากไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ดีขึ้น

 

ครึ่งแรกของปี 2563

  • รายได้จากการขาย 201,751 ล้านบาทลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงโดยมีกำไรสำหรับงวด 16,355 ล้านบาท ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงในไตรมาส 1/2563 ทั้งนี้ มียอดขายสินค้า/บริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) 91,003 ล้านบาท คิดเป็น 45%  ของยอดขายรวมและรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย 86,638 ล้านบาท คิดเป็น 43% ของยอดขายรวม ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 มีมูลค่า 706,652 ล้านบาท โดย 36% เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน

 

ผลประกอบการแยกรายธุรกิจ

ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งในไตรมาส 2/2563 มีรายได้จากการขาย 21,636 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการซื้อธุรกิจและลดลง 11% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการซื้อ (ดีมานด์) จากกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลดลง แต่กลุ่มนี้ก็ยังมีดีมานด์จากสินค้าอุปโภค-บริโภค เเละบรรจุภัณฑ์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10%จากไตรมาสก่อน เนื่องจากจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563 ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 45,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 3,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

ธุรกิจเคมิคอลส์ ในไตรมาส 2/2563 มีรายได้จากการขาย 34,758 ล้านบาท ลดลง  24%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง  9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 4,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง และเพิ่มขึ้น 157%จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563 มีรายได้จากการขาย 73,087 ล้านบาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 6,342 ล้านบาท ลดลง  34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงและผลประกอบการของบริษัทร่วมลดลง

 

 

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาส 2/2563มีรายได้จากการขาย 42,506 ล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง  8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดลดลงจากมาตรการปิดเมือง โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และมีรายการปรับเงินชดเชยตามกม.แรงงานในไตรมาส 2/2562 และลดลง 30% จากไตรมาสก่อนจากมาตรการปิดเมือง ปัจจัยด้านฤดูกาล และขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส2/2563 ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563  มีรายได้จากการขาย 88,751 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมาตรการปิดเมืองโดยมีกำไรสำหรับงวด 4,722 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 36%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และในปีก่อนมีรายการปรับเงินชดเชยตามกม.แรงงานในไตรมาส 2/2562

 

 

กลยุทธ์ฝ่าโควิด-19

"แม้เอสซีจีจะไม่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน ฯลฯ แต่บริษัทฯ ก็ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง เพื่อให้สามารถปรับตัวและเตรียมแผนการรองรับได้ทันท่วงที"

 

รุ่งโรจน์กล่าวต่อไปถึงกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ของเอสซีจีว่า "เอสซีจีเน้นใช้กลยุทธ์เพื่อบริการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management : BCM) โดยมุ่งปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในประเทศไทย และอาเซียนทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย พร้อมเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยหากเกิดกรณีสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (Prepare for the Worst) เช่น การเตรียมการขายและการขนส่งล่วงหน้า หากมีมาตรการปิดเมือง การวางแผนเพื่อเตรียมพร้อม หากมีโอกาสทางธุรกิจในกรณีสถานการณ์คลี่คลาย (Plan for The Best) เช่น การปรับกำลังผลิตให้สอดคล้องกับดีมานด์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ขณะเดียวกัน ก็จับตาดูความเปลี่ยนแปลง และการเติบโตของตลาดทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซการสั่งอาหารออนไลน์ ตลอดจนพฤติกรรมบริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขอนามัยเพิ่มขึ้น เพื่อส่งมอบนวัตกรรมโซลูชัน สินค้า/บริการที่ตรงใจผู้บริโภค และโอกาสทางการตลาดได้อย่างทันท่วงที"

 

 

เมื่อมองแยกหมวดธุรกิจ รุ่งโรจน์กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจแพ็กเกจจิ้งยังคงแข็งแกร่งและมีศักยภาพที่โดดเด่น จากการขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการ อาทิ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. ผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย และ Visy Packaging (Thailand) Limited รวมถึงการวางแผนการลงทุนใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ในเวียดนาม แต่นโยบายในส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้น เราก็ยังคงระมัดระวัง

 

[อ่าน 1,739]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
LINE MAN ผนึก ช่องวัน 31 พลิกโฉมประสบการณ์ดูซีรีส์ 
ด้วย “Taste-perience”
Chang Canvas เปิดพื้นที่ Brewhouse สุดไอคอนิก ส่งต่อความสุขเทศกาลดนตรีระดับโลก
ทรู ผนึกกำลังการีนา เปิดศึก RoV สุดมันส์ทั่วไทย!
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ร่วมออกบูธในงาน Set in the City 2025
โปรแกรมตรวจรับคอนโด ผู้ช่วยที่ทำให้การตรวจรับเป็นเรื่องง่ายขึ้น
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย รุกตลาด “High Net Worth” ชูแนวคิด “PRULegacy: Your Mark Lives On”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved