กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตามคาด และเป็นการลงมติคงดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ขณะที่เงินบาททรงตัวแถวระดับ 31.50 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือนภายหลังการลงมติ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงราว 5% ซึ่งเป็นผลจากภาวะเงินทุนไหลออก และยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลง โดยทาง กนง. กล่าวย้ำว่าจะติดตามสถานการณ์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด และประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเนื่องจากมองว่า การที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้

คณะกรรมการ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มหดตัวน้อยลงกว่าที่ประเมินไว้และการฟื้นตัวในปี 2564 จะชะลอลงกว่าประมาณการเดิมจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวช้า โดยได้มีการปรับเป้า GDP ปี 2563 เป็นติดลบ 7.8% จากเดิมคาดไว้ในเดือนมิถุนายนว่าจะติดลบ 8.1% เนื่องจากการยอดส่งออกคาดว่าจะหดตัวน้อยลงกว่าที่คาดเป็นติดลบ 8.2% จากเดิมคาดการณ์ที่ติดลบ 10.3%  อย่างไรก็ดีในปี 2564 คณะกรรมการคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ระดับ 3.6% เทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5.0%  โดยมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 9 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ที่ 16.2 ล้านคน  ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้มีแนวโน้มติดลบน้อยกว่าที่ประเมินไว้หลังจากการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19  อย่างไรก็ตาม กนง. มองว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ที่กิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับก่อนการแพร่ระบาด และการฟื้นตัวจะแตกต่างกันมากในแต่ละภาคธุรกิจ  จึงจำเป็นต้องมีมาตรการที่เฉพาะเจาะจงและทันการณ์ รวมทั้งมีความสอดคล้องกับนโยบายด้านการคลังซึ่งมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย

คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เข้าร่วมประชุม กนง. ในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ โดย กนง. ระบุว่าควรเร่งดำเนินการกระจายสภาพคล่องไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน  ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่า การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจครั้งล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวยาวนาน และคาดว่าจะยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีกหลายไตรมาสข้างหน้า