
ฟูจิตสึประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้กับชุดโซลูชั่นใหม่ FUJITSU Work Life Shift ซึ่งจะพลิกโฉมรูปแบบการทำงานให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โซลูชั่นใหม่นี้ผสานรวมความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของฟูจิตสึเข้ากับองค์ความรู้เชิงปฏิบัติที่ได้รับจากการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อรองรับพนักงานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมไปถึงการดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงานสำหรับพนักงานของฟูจิตสึกว่า 130,000 คนทั่วโลก
FUJITSU Work Life Shift จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนสู่การทำงานรูปแบบใหม่ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรเพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ ฟูจิตสึนำเสนอบริการสำหรับสถานที่ทำงานโดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ "Smart Working" "Borderless Office" และ "Culture Change" พร้อมยืนยันความสำเร็จจากการดำเนินการจริง และสามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย นอกจากนี้ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ฟูจิตสึเตรียมที่จะเปิดตัวบริการใหม่ที่มีชื่อว่า Fujitsu Collaboration Space ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่ม
ประสิทธิภาพการทำงานให้กับทีมงานโดยจะช่วยให้บุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่หรือทำงานจากที่บ้านสามารถประสานงานร่วมกันได้บนพื้นที่ทำงานเสมือนจริง (Virtual Workspace) ฟูจิตสึมุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาโซลูชั่น FUJITSU Work Life Shift เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการให้บริการด้านต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงานได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็วมากขึ้น
FUJITSU Work Life Shift: การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเพื่อเสริมศักยภาพ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
ในการพัฒนาโซลูชั่น FUJITSU Work Life Shift ฟูจิตสึได้อาศัยข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนองค์กรของฟูจิตสึในช่วงระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น รองรับการทำงานนอกสถานที่โดยใช้ระบบมัลติคลาวด์ และตอนนี้ฟูจิตสึพร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์การทำงานในลักษณะเดียวกันนี้ให้แก่ลูกค้า

FUJITSU Work Life Shift ประกอบด้วยโซลูชั่นหลัก 7 โซลูชั่น และบริการที่เกี่ยวข้อง:
1. Smart Working (การกำหนดรูปแบบการทำงานที่เหมาะสม)
นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายๆ องค์กรได้ปรับใช้รูปแบบการทำงานจากที่บ้านกันอย่างกว้างขวาง แต่ประเด็นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยยังคงเป็นปัญหาสำคัญ นอกเหนือจากบริการสนับสนุนนอกสถานที่เพื่อรองรับการติดตั้งและใช้งานระบบอย่างเหมาะสมแล้ว ฟูจิตสึจะนำเสนอโซลูชั่นดังต่อไปนี้:
นำเสนอบริการด้านการติดต่อสื่อสาร รวมถึง Microsoft 365, Microsoft Teams และ Box โดยใช้เวลาเตรียมการเพียง 5 วันทำการ และใช้เทมเพลตทั่วไปที่ใช้กันทั่วโลก
นำเสนอบริการ Virtual Desktop บนระบบคลาวด์ โดยใช้เวลาเตรียมการเพียง 5 วันทำการ เนื่องจากไม่มีการจัดเก็บข้อมูลไว้บนอุปกรณ์ Thin Client ที่ใช้ในการเข้าถึง Virtual Desktop ดังนั้นจึงป้องกันความเสี่ยงที่ข้อมูลอาจรั่วไหลเพราะอุปกรณ์สูญหายหรือถูกโจรกรรม
จัดหาสภาพแวดล้อมเครือข่ายแบบ Zero Trust ในรูปแบบของบริการคลาวด์ พร้อมความยืดหยุ่นในการปรับเพิ่มหรือลดขนาด และลดการพึ่งพา VPN ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อคำร้องขอในกรณีเร่งด่วน เช่น การปรับเพิ่มจำนวนบุคลากร และการประสานงานร่วมกับบุคคลภายนอก
2.Borderless Office (ปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติในสำนักงาน)
ในอนาคตอันใกล้ บุคลากรจะสามารถทำงานในรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยจะทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาตามความเหมาะสม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ฝ่ายไอทีในการตอบข้อซักถามและให้บริการซัพพอร์ตอย่างทันท่วงทีฟูจิตสึให้บริการสนับสนุนได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัล โดยใช้ระบบบริการช่วยเหลือ Service Desk แบบดิจิทัลในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก พร้อมด้วยบริการนอกสถานที่ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ฟูจิตสึมีความเชี่ยวชาญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ฝ่ายบริการช่วยเหลือ Service Desk ของฟูจิตสึทำหน้าที่ให้บริการตอบข้อซักถามและแก้ไขปัญหาผ่านทางโทรศัพท์ เว็บ แชท ฯลฯ แก่บุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่ ศูนย์บริการแบบหลายช่องทางจะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
ฟูจิตสึให้บริการนอกสถานที่ เช่น การจัดส่งและซ่อมแซมอุปกรณ์ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก สำหรับในญี่ปุ่น ฟูจิตสึยังให้บริการซัพพอร์ตในกรณีที่อุปกรณ์ทำงานผิดปกติเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้ (เช่น กาแฟหรือน้ำหกใส่ พีซีตกพื้น ฯลฯ) ซึ่งในอดีตไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้บริการบำรุงรักษา และบริษัทฯ จะเริ่มให้บริการเก็บรวบรวมอุปกรณ์ตามบ้านสำหรับพนักงานที่ทำงานจากที่บ้าน
3.Culture Change (ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร)
ปัจจุบัน รูปแบบการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เนื่องจากสังคมมีการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่และจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในส่วนของการทำงานร่วมกันเป็นทีม การบริหารจัดการและวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรฟูจิตสึให้บริการที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานที่ทำงานร่วมกันในแต่ละโครงการแสดงผลข้อมูลการทำงานร่วมกันในสถานการณ์ต่างๆ และรองรับรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
ฟูจิตสึจะจัดหาสภาพแวดล้อมสำหรับการทำงานร่วมกันผ่านบริการใหม่ Fujitsu Collaboration Space ซึ่งเป็นบริการพื้นที่เสมือนจริงสำหรับการทำงานร่วมกัน ช่วยเสริมศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพให้กับทีมงาน
ชุดเทคโนโลยี AI Zinrai และโซลูชั่น Microsoft 365 AI ของฟูจิตสึ แสดงข้อมูลรูปแบบการทำงานของบุคลากร รองรับการติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
[บริการใหม่ "Fujitsu Collaboration Space"]
ฟูจิตสึใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เฟซผู้ใช้เชิงพื้นที่จากห้องปฏิบัติการของฟูจิตสึ (Fujitsu Laboratories) เพื่อจัดหาสภาพแวดล้อมการทำงานนอกสถานที่ ซึ่งสมาชิกจะสามารถทำงานในพื้นที่เสมือนจริงเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สมาชิกหลายคนจะสามารถอินพุต/เอาต์พุตข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังสามารถแชร์และแก้ไขข้อมูลต่างๆ เช่น ไฟล์ข้อความ ภาพยนตร์ เสียง ตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือ และข้อมูล CAD
ยอดขายที่ตั้งเป้าไว้
ฟูจิตสึตั้งเป้ารายได้ 100,000 ล้านเยนสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ FUJITSU Work Life Shift ภายในปีงบประมาณ 2566

ฟูจิตสึมุ่งมั่นพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2558 ฟูจิตสึได้ผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารสำหรับพนักงานทั่วโลก และตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้เปลี่ยนย้ายไปสู่สภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการปรับใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างยั่งยืน ในปี 2560 ฟูจิตสึได้เริ่มต้นใช้งานระบบการทำงานนอกสถานที่ (Remote Working) อย่างครบวงจรสำหรับพนักงานในญี่ปุ่น เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นในทุกสถานที่ และตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้การดำเนินงานของบริษัทต่างๆ หยุดชะงัก ฟูจิตสึจึงได้เร่งติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือเสมือนจริง เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ "FUJITSU Work Life Shift" ในญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นหลักไมล์สำคัญสำหรับการพัฒนาการปรับปรุงองค์กร





