เอสซีจีจับมือ 180 พันธมิตร แก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
09 Nov 2020

 

ประเทศไทยและโลก มีความหวัง หลังเผชิญปัญหารุมเร้า ทรัพยากร ขาดแคลน ภาวะโลกร้อน วิกฤตขยะจากโควิด-19 ความยากจน คุณภาพชีวิต และสุขภาพถดถอยจากฝุ่น PM 2.5 เอสซีจี จับมือ 180 พันธมิตร ผนึกกำลังผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ร่วมระดมสมอง ชงแก้ 4 ปัญหาเร่งด่วน 1. แก้ภัยแล้ง ด้วยระบบน้ำหมุนเวียน  2. แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการส่งเสริมเกษตร “ปลอดการเผา 100%” และการเข้าถึงเครื่องจักรการเกษตร สร้างรายได้ที่มั่นคง 3. การจัดการขยะพลาสติกเป็นวาระแห่งชาติ 4. เสนอภาครัฐสนับสนุนวงการก่อสร้างเป็น Green and Clean Construction พร้อมเดินหน้าขยายเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วน

 

เอสซีจีจับมือ 180 พันธมิตร แก้วิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน SD Symposium 2020-Circular Economy Actions for Sustainable Future


 

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และ ธนวงษ์ อารีรัชชกุล ประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี จับมือ 180 พันธมิตร จากทุกภาคส่วนที่มีจุดยืนเดียวกันในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ร่วมแถลงความคืบหน้าการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ในงาน SD Symposium 2020 “Circular Economy: Actions for Sustainable Future เพื่อระดมความเห็นแก้ปัญหาให้กับประเทศ และประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ความเสี่ยงขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้น จากโควิด-19 นับเป็นกลุ่มพันธมิตรเข้มแข็ง ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจาก 45 รายในปีที่ผ่านมา เป็น 180 ราย ซึ่งปีนี้  ได้ร่วมกันนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มาเป็นทางออกแก้ปัญหาพื้นฐาน 4 ด้านที่เป็นพื้นฐานความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของประเทศและของโลก คือ   

 

       

              

1. สร้างระบบน้ำหมุนเวียนให้พร้อมรับวิกฤตแล้งรุนแรงในปีหน้า โดยสนับสนุนให้คนไทยพึ่งพาตนเองเรียนรู้การจัดรูปที่ดินและใช้เทคโนโลยี ควบคู่กับการให้ความรู้การเกษตรแก่เกษตรกรและคนกลับคืนถิ่นจากพิษเศรษฐกิจโควิด-19 และเชิญชวนรัฐบาลร่วมขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ไปพร้อมกับที่ภาคเอกชนดำเนินการ
เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ฟื้นคืนเศรษฐกิจชุมชน และเพิ่มผลผลิตเกษตรให้ไทยเป็นครัวโลกในที่สุด              

2. ส่งเสริมเกษตร “ปลอดการเผา 100%” ในปี 2022 (พ.ศ.2565) เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ลดโลกร้อน และสร้างรายได้ 25,000 ล้านบาทต่อปี โดยหมุนเวียนวัสดุเหลือใช้ เช่น ตอซังใบข้าว ใบอ้อย ซังข้าวโพด มาแปรรูปเป็นพลังงานชีวมวล อาหารสัตว์ บรรจุภัณฑ์ รวมถึงสนับสนุนเทคโนโลยีเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรโดยเกษตรกรไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเอง  ด้วยการจัดตั้งกองทุนชุมชน เสริมสร้างรายได้ที่มั่นคง 

3. การยกระดับการจัดการขยะพลาสติกให้เป็นวาระแห่งชาติโดยปรับปรุงหรือเพิ่มเติมกฎหมายการจัดการขยะพลาสติกอย่างจริงจัง มีโรดแมป มีเป้าหมายชัดเจน มีการทำงานที่เป็นรูปธรรม และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนดำเนินการไปพร้อมกัน (Plastic Waste Management System Roadmap) รวมถึงออกมาตรการสนับสนุนสินค้า รีไซเคิล และให้สิทธิพิเศษทางภาษีเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบธุรกิจรีไซเคิลขยะพลาสติก                                      

4.เศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เพื่อพลิกวงการก่อสร้างสู่ Green and Clean Constructionโดยรัฐเป็นต้นแบบกำหนดแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยีจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดวัสดุเหลือทิ้งให้น้อยที่สุด หรือการใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ และมอบสิทธิพิเศษทางภาษี   

 

 

สำหรับ เอสซีจี ได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าองค์กรสู่ Net Zero ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) เพื่อสนับสนุนการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) นอกจากนี้ ได้เล็งเห็นว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาขยะที่รุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน จึงได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยกำหนดกลยุทธ์  ไว้ดังนี้

 

 

ธุรกิจแพคเกจจิ้งมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถกลับมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำได้และบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพิ่มสัดส่วนการเก็บกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างครบวงจร   

 

 

ธุรกิจเคมิคอลส์มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดทั้ง Supply chain ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มการรีไซเคิลได้มากขึ้น เช่น Mono-materials การพัฒนาเทคโนโลยีที่รีไซเคิล ขยะพลาสติกกลับมาเป็นวัตถุดิบในสัดส่วนที่สูงขึ้น ส่งเสริมการคัดแยก และรวบรวมของเสียกลับมาใช้ใหม่ ผ่านชุมชน ไร้ขยะ และการจัดทำธนาคารขยะ โดยใช้ Digital Platform เป็นเครื่องมือในการจัดการ

 

 

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ฉลาก “SCG Green Choice” ตั้งแต่การผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล สินค้าสำเร็จรูปที่ลด waste ในกระบวนการติดตั้ง สินค้าและบริการที่ลดการใช้พลังงานหรือนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ เช่น พลังแสงอาทิตย์ มุ่งไปสู่ ‘Green Living and Green Society’ รวมถึงการนำของเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ ‘Turn Waste to Wealth’ สร้างประโยชน์ให้กับสังคม


  

[อ่าน 1,767]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักกับ “Jack Wey” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GWM WEY
AssetWise ยกระดับเมืองน่าอยู่ จัดประกวดออกแบบ “สุขา สุขี: THE HAPPY TOILET PROJECT”
Trip.com จับมือโรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เปิดประสบการณ์อาหารระดับโลก
เกาหลีรุก! ปล่อยหมัดเด็ด “Hyundai Deal SEOUL Good” กับข้อเสนอ Motor Expo 2025
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กวาดรางวัลต่อเนื่อง ติดอันดับ 60 โรงแรมยอดเยี่ยมของโลก
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พลิกโฉมแอป GEN 365 ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันชีวิตครบวงจร
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved