SCG ​พร้อมรับวิถีใหม่เพื่อผู้บริโภค ลุย ‘Open Innovation’ เต็มตัว
09 Dec 2020

 

SCG หนึ่งในองค์กรผู้นำรายใหญ่ ซึ่งนำร่องกระบวนการทำ Digital Transformation ตั้งแต่ปี 2560 ด้วยเป้าหมายหลักที่จะนำองค์กรไปสู่การทำงานด้วยรูปแบบดิจิทัลอย่างครบวงจร 

ซึ่งในปีที่ผ่านมานี้นอกเหนือจากการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางองค์กรมีการปรับตัวและมุ่งหน้าเพิ่มขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีต่างๆให้เข้มข้นขึ้น​ทั้งจากการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับหน่วยธุรกิจเดิม

ฟากหน่วยงานด้านการลงทุนสตาร์ทอัพที่ทำหน้าที่มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ของ SCG อย่าง AddVentures ในปี 2563 นี้ยังคงทุ่มเงินลงทุนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตไปทั้งหมด 4 บริษัท และ 1 กองทุน (VC Fund) ทั้งในและนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่กับการดำเนินโปรแกรม ‘Ignitor’ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะช่วยเชื่อมต่อเทคโนโลยีจากสตาร์ทอัพภายนอกและหน่วยงานต่างๆ ของ SCG โดยมีจุดประสงค์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กร หรือเรียกได้ว่า SCG เป็นลูกค้าของสตาร์ทอัพเหล่านั้นนั่นเอง

วิกฤติการณ์ COVID-19 ถือเป็นความท้าทาย และเป็นตัวเร่งที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น SCG เองจึงต้องเร่งผลักดันสร้างนวัตกรรมให้เร็วยิ่งกว่าเดิม โดยเน้นไปที่ 4 กลุ่มนวัตกรรมหลัก (Theme) ที่จะช่วยเสริมความพร้อมให้กับวิถีใหม่ (New normal) ที่เกิดขึ้น ทั้งยังเปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิมสำหรับโอกาสใหม่ๆ ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้
 

 

ผู้นำด้าน Digital Transformation

กว่า 3 ปีในงานทางด้าน Digital Transformation, AddVentures บ่มไอเดีย "you innovate, we scale" ด้วยการลงทุนไปทั้งหมด 16 สตาร์ทอัพ และ 5 กองทุน (VC Fund)  โดยแค่ในปี 2563 นี้ AddVentures ทุ่มเงินลงทุนเพิ่มลงใน Portfolio ไปกับ 4 สตาร์ทอัพ และ 1 กองทุน (VC fund)

 

 

นอกจากด้านการลงทุน ในปี 2563 ยังเป็นอีกปีที่ AddVentures ได้มุ่งเน้นในการปั้นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆให้กับ SCGและบริษัทในเครือ เพื่อตอบรับกับการขยายของตลาดในอนาคต ล่าสุดร่วมกับ Validus แพลตฟอร์มสินเชื่อ SME ที่เดิมมีการดำเนินงานในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ร่วมมองหาโอกาสในการขยายตลาดสู่ประเทศอื่นๆเพิ่มเติม  

 

 

Open Innovation ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ

ฟันเฟืองที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation คือ "Ignitor’ โปรแกรมที่ช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรมภายใน เป้าประสงค์หลักคือการนำเอาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยพร้อมใช้งานได้จริง มาปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสในการทำรายได้สำหรับกว่า 300 บริษัทภายใต้เครือ SCG

กิจกรรมของโปรแกรมครอบคลุมตั้งแต่การคัดเลือก "pain point" ของแต่ละธุรกิจในเครือ ค้นหาและสร้างความสัมพันธ์กับ tech startup ทั่วโลก ตลอดจนช่วยเหลือในการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้กับเคสจริง ทั้งในช่วงของการทดลองและขยายผล อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยี Business Process Automation (BPA) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานใน SCG ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดเวลาในการทำงานได้จริงกว่า 70% โดยเวลาที่ได้กลับมา สามารถนำไปพัฒนาการให้บริการกับลูกค้า หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ การนำเทคโนโลยี Omni-channel enablement มาเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมและซื้อสินค้าของ SCG ได้ทั้ง online และ offline ได้อย่างต่อเนื่อง ( Seamless ) 

ในปี 2563 หน่วยธุรกิจต่างๆ ได้ส่ง​ pain point​​ เข้ามาที่ Ignitor โปรแกรม ถึง 55 โครงการ โดย 32 โครงการ ถูกพัฒนาให้เป็น Proof-of-Concept (กรรมวิธีทดสอบการแก้ไขปัญหาในระดับทดลอง) และขยายผลไปยังธุรกิจอื่นๆ ขององค์กร โดยคาดการณ์ว่าการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานดังกล่าวจะสามารถช่วยสร้างผลกำไรเพิ่มเติมได้ถึง 1,000 ล้านบาทในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า
 

 

เผชิญกับ New Normal

นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีแล้ว วิกฤติ COVID-19 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เร่งให้เกิด Business Transformation ทั้ง B2B และ B2C ทำให้ SCG ต้องให้ความสำคัญกับ 4 ประเด็นสำคัญที่จะช่วยในการรับมือกับวิกฤติดังกล่าว

1.     ธุรกิจรูปแบบใหม่ (New business models)  - SCG มองหาบริษัทที่มีแนวทางการทำธุรกิจเน้นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเข้าไปสนับสนุนเงินทุน จับมือเป็นคู่ค้า และขยายผลธุรกิจไปในระดับภูมิภาค อาทิเช่น การร่วมมือกับ Janio แพลตฟอร์ม cross-border e-commerce ที่ SCG ได้มีส่วนร่วมขยายธุรกิจให้ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 

2.   การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (New product development) - แทนที่จะพึ่งพาการพัฒนาจากภายในเพียงอย่างเดียว SCG เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่มีไอเดียน่าสนใจ เข้ามาเสนอไอเดียเพื่อร่วมพัฒนาไอเดียให้ใช้ได้จริง เนื่องจากการมีบทบาททางธุรกิจที่ครอบคลุม ทำให้ SCG สามารถทดสอบตลาด และคอยอำนวยความสะดวกทางการค้าในแต่ละพื้นที่ผ่านการจดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยี ให้กับสตาร์ทอัพต่างๆ รวมถึงการขยายตลาดมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 

3.   พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป (A shift of customer behaviors) - ความวิตกกังวลกับวิกฤติ COVID-19 ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าการไปหน้าร้าน จึงเป็นหน้าที่ของระบบปฏิบัติงานอัตโนมัติ ต่างๆ ที่ SCG ได้นำมาใช้งานในทุกช่องทางที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าในขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านการปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า Bot เพื่อพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น
 

4.    Business Process Automation (BPA) - หน่วยธุรกิจหลายหน่วยใช้ระบบ BPA เพื่อช่วยจัดการระบบการทำงานที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นระบบดังกล่าวช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่น ลดเวลาการทำงานลงถึง 50-70% ลดต้นทุน และความผิดพลาดส่วนบุคคลและเพิ่มคุณภาพการบริการไปพร้อมๆ กันทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดเก็บเพื่อไปทำสื่อที่ช่วยทำความเข้าใจเชิงลึกที่แม่นยำและช่วยพัฒนาระบบต่อไปในอนาคต

 

 

เดินหน้าสร้าง Open Innovation Space

‘สำหรับปี 2564 SCG ยังคงมุ่งมั่นกับการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และการเป็นองค์กรเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยการใช้ข้อได้เปรียบจากการทำ Open Innovation’ ดร.จาซชัว แพส กรรมการผู้อำนวยการAddVentures ได้เน้นย้ำถึงภารกิจขององค์กร ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า ‘ประตูของเราเปิดต้อนรับสตาร์ทอัพจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็น B2B อุตสาหกรรม หรือองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเข้ามาเป็นทั้งหุ้นส่วนทางการค้าผ่านทางโปรแกรม Ignitor หรือเป็นโอกาสในการลงทุนให้กับ AddVentures ในอนาคต’

[อ่าน 6,051]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
GCNT ปั้นเยาวชน “SDGs Young Creator 2025” เปิดเวทีเรียนรู้จากตัวจริง ลงสนามจริง ขับเคลื่อน SDGs ใน GCNT EXPO 2025
Alibaba.com เปิดตัว ‘Assured Star Package’ เสริมแกร่ง SME ไทย
AIS เปิดตัว “AIS Infinite SMEs” ปลุกพลัง SMEs พาเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด
5 สตาร์ทอัพดาวรุ่ง ดันเทคโนโลยีลดคาร์บอน โชว์แนวทางเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนในงาน Decarbonize Thailand
Thailand Fast Track ทางด่วนสตาร์ทอัพต่างชาติสร้างธุรกิจในไทย
‘Miguo’ สตาร์ทอัพตัวจี๊ดจากจีน อัจฉริยะทางลัด หรือหายนะของศิลปิน?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved