นายวิเชียร เจียกเจิม ตัวแทนของกลุ่มสมวัฒนาได้ชี้แจงกรณีที่ทางบมจ. สิงห์ เอสเตทให้ข่าวว่า ทางกลุ่มสมวัฒนาไม่ได้จ่ายชำระค่าซื้อขายหุ้นมูลค่า 1.79 พันล้านบาท ตาม MOU ในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 นั้น ตนในฐานะของตัวแทนของกลุ่มขอยืนยันว่า ทางกลุ่มได้เตรียมเงินเป็น แคชเชียร์เช็ค ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2563 สั่งจ่ายจำนวนดังกล่าวไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สืบเนื่องจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว มีผลในการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการควบคุมบริษัท ซึ่งทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ จะต้องดำเนินการขอความยินยอมจากสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัททั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททั้งหมดจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้นระหว่างกลุ่มสมวัฒนา กับ บมจ. สิงห์ เอสเตท ในครั้งนี้
โดยทางกลุ่มได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว กับทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ มาโดยตลอด เพราะมีผลกับการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ทางกลุ่มได้รับหนังสือแจ้งจากทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ ในเรื่องความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่จะมีกำหนดการซื้อขาย และโอนชำระหุ้นกันของทั้งสองกลุ่ม ทางกลุ่มได้ใช้ความพยายามในการหารือเรื่องนี้กับทาง บมจ. สิงห์ เอสเตท มาโดยตลอด
โดยขอให้ บมจ. สิงห์ เอสเตท กำหนดระยะเวลาการซื้อขายเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ ออกไปจนกว่า ทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวกับธนาคารให้แล้วเสร็จ เพื่อที่จะให้บริษัทไม่เกิดการผิดสัญญา หรือ default สัญญาทางการเงิน และกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ บมจ. เนอวานา ไดอิ รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดกับผู้ถือหุ้นรายย่อย และผู้มีส่วนได้เสียของ บมจ. เนอวานา ไดอิ
และที่ผ่านมาเราได้แจ้งให้ทาง บมจ.สิงห์ เอสเตท ทราบถึงผลกระทบข้างต้นไปหลายครั้ง รวมทั้งการสอบถามถึงผลกระทบของการเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นตามกำหนดระยะเวลาใน MOU ไปยังคณะกรรมการของ บมจ. เนอวานา ไดอิ ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทได้แจ้งถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเสียหายถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นก่อนเรื่องการดำเนินการขอความยินยอมจากสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทดังกล่าวจะดำเนินเสร็จ รวมทั้งได้ทำหนังสือหารือกับกลต.เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงเรื่องดังกล่าวและกำลังรอคำตอบอยู่
แต่อย่างไรทางกลุ่มก็ได้ออกแคชเชียร์เช็ค ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2563 จำนวน 1.69 พันล้านบาท สั่งจ่ายในชื่อ บมจ. สิงห์ เอสเตท พร้อมกับเงินมัดจำที่ได้ชำระไปแล้ว จำนวน 100 ล้านบาท ในการชำระราคาค่าหุ้นตามที่ตกลงไว้ โดยเสนอขอชำระราคาภายใต้เงื่อนไขที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพื่อไม่ให้เป็นเหตุให้ บมจ. เนอวานา ไดอิ ต้องผิดนัดสัญญาทางการเงินกับธนาคารซึ่งจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ บมจ. เนอวานา ไดอิ รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดกับผู้ถือหุ้นรายย่อยและผู้มีส่วนได้เสียของ บมจ. เนอวานา ไดอิ
และได้มีการเจรจาพูดคุยกับ บมจ. สิงห์ เอสเตท ตลอดทั้งวันที่ 18 ธค. 2563 ถึงเรื่องการยอมรับการชำระเงินโดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจนกว่าทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ จะทำการดำเนินการกับสถาบันการเงินของทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดกับผู้ถือหุ้นรายย่อยและผู้มีส่วนได้เสียของ บมจ. เนอวานา ไดอิ ซึ่งในการพูดคุยกันกับทาง บมจ. สิงห์ เอส เตท ในช่วงเช้าก็มีท่าทีเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว แต่ในตอนบ่ายทาง บมจ. สิงห์ เอสเตท ได้ปฏิเสธในข้อเสนอดังกล่าว
ดังนั้นทางกลุ่มสมวัฒนามีความเห็นว่า เราได้ปฎิบัติตาม MOU ครบถ้วนแล้ว พร้อมชำระราคาค่าหุ้นทั้งหมดโดยอนุญาตให้ บมจ. สิงห์ เอสเตท สามารถขึ้นเงินได้ทันที แต่ขอยังไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับการดำเนินการธุรกิจของ บมจ. เนอวานา ไดอิ ร่วมทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อยและผู้มีส่วนได้เสียของ บมจ.เนอวานา ไดอิ เราไม่รู้เหตุผลว่า ทำไมถึงในท้ายที่สุด บมจ. สิงห์ เอสเตท ไม่ยอมที่จะรับพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดกับทาง บมจ. เนอวานา ไดอิ ตามที่ทางเราได้เสนอไป