รายงานความคืบหน้าหลังการแถลงข่าวจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของยุโรป (EMA) เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า
เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลด้านยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพของยุโรป (EMA) ได้ประเมินถึงการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่พบได้ยากมากในประชาชนกว่า 34 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ทั้งสองหน่วยงานกำกับดูแลด้านยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพได้ขอให้แอสตร้าเซนเนก้าปรับเปลี่ยนข้อความบนฉลากวัคซีนที่ใช้ในสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป โดยไม่มีการระบุถึงปัจจัยเสี่ยงใดๆ อาทิ อายุ เพศหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ซึ่งพบได้ยากมากนี้
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานทั้งสองมีความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ว่า มีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับวัคซีน และขอให้ระบุว่าเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ยากมาก โดยภาพรวมแล้วทั้ง MHRA และ EMA ได้ยืนยันอีกครั้งว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19ในทุกระดับความรุนแรงได้และประโยชน์เหล่านี้นั้นยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ แอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมมืออย่างแข็งขันกับหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านยาเพื่อดำเนินการเพิ่มเติมข้อมูลเหล่านี้ในเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ พร้อมกันนี้กำลังศึกษาและทำความเข้าใจการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในผู้ป่วยแต่ละราย การระบาดวิทยา รวมถึงกลไกที่น่าจะเป็นไปได้ เพื่อจะอธิบายภาวะที่เกิดขึ้นได้ยากมากนี้
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังกล่าวในวันนี้ว่า จากข้อมูลปัจจุบันนั้น ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการเกิดภาวะนี้มีความเป็นไปได้แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ และระบุว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเฉพาะทางเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฉีดวัคซีนและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นไปได้ องค์การอนามัยโลก ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้พบได้ยากมากและมีรายงานการเกิดภาวะนี้ในตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ทั่วโลกเกือบ 200 ล้านคน