NetApp สร้างปรากฏการณ์ "ไฮบริดคลาวด์อัจฉริยะ" จากทฤษฎีสู่โลกแห่งความเป็นจริง
15 Apr 2021

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมองค์กรด้านไอทีทั้งหลายถึงมอง “ไฮบริดคลาวด์” เป็นระบบที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต จากข้อมูลของบริษัทวิจัยด้านการตลาดอย่าง IDC ได้มีการระบุว่า มีองค์กรจำนวนมากกว่า 65% ย้ายมาใช้ไฮบริดคลาวด์ก่อนปี 2016 เสียอีก ซึ่งการนำระบบใหม่มาใช้อย่างรวดเร็วนี้ต่างถูกผลักดันจากการที่หลายบริษัทต่างมองการเปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้มีความคล่องตัว เน้นการเป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อความรวดเร็วในการเปิดตัว และขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ของตนเอง

 

ไฮบริดคลาวด์ ตามทฤษฎีนั้น คือสภาพแวดล้อมด้านไอที ที่ทุกอย่างถูกจัดการได้จากศูนย์กลางเดียวกัน และสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามแต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มีลักษณะด้านประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป โดยแต่ละแห่งอาจให้บริการแอปพลิเคชั่นและระบบจัดเก็บข้อมูลแตกต่างกันด้วย

 

ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชั่นที่ทำงานบนระบบที่อยู่ฝั่งองค์กรมักอาศัยอินเทอร์เฟซ โปรโตคอล และรูปแบบข้อมูลที่หลากหลาย และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ทางฝั่งบริการบนคลาวด์ก็มักใช้รูปแบบข้อมูลใหม่ที่อิงตามสถาปัตยกรรม RESTful ตัวอย่างเช่น S3 API ที่มีชื่อเสียงของ  Amazon Web Services หรือ โปรโตคอลอย่าง Swift ที่พัฒนาขึ้นโดยชุมชน OpenStack ดังนั้น ความไม่ตรงกันระหว่างแอปพลิเคชั่นแบบเก่ากับที่ใช้อยู่บนคลาวด์ทำให้เกิดอุปสรรคสำคัญสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ต้องการโยกย้ายงานเดิมที่มีอยู่ขึ้นไปบนคลาวด์ ไม่นับรวมกับองค์กรหลายๆ แห่งเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ “ดาต้าเซ็นเตอร์ยุ่งเหยิง” จากการสร้างระบบเพิ่มที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย โดยเฉพาะระบบเวอร์ช่วล จนอาจลามไปถึงระดับที่ตัวเองไม่เคยหรือไม่สามารถจัดการได้มาก่อน

 

ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย NetApp Data Fabric

NetApp ได้เข้ามาช่วยองค์กรด้านไอทีในการสร้างดาต้าแฟบริก (Data fabric) สำหรับไฮบริดคลาวด์เพื่อเชื่อมต่อทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง อำนวยความสะดวกในการจัดการ การเคลื่อนย้าย และปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลทั่วทั้งภายใน และภายนอกคลาวด์ สำหรับดาต้าแฟบริกที่พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีของ NetApp นี้ทำงานบนพื้นฐานที่เป็นซอฟต์แวร์โดยใช้ระบบปฏิบัติการสตอเรจที่ได้การยอมรับมากที่สุดในตลาด ทำให้ได้รูปแบบข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวกัน, การขนส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ, และทางเลือกในการปกป้องข้อมูลมากมายสำหรับผสานเข้ากับระบบไฮบริดคลาวด์

 

NetApp ให้สถาปัตยกรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้จัดการข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องบนทุกบริการคลาวด์ ช่วยขจัดปัญหาการแบ่งแยก และความแตกต่าง ด้วยการทำให้ข้อมูลไหลเวียนไปตามตำแหน่งของแอปพลิเคชั่นที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะวิ่งจากแพลตฟอร์มเก่าไปยังบริการบนคลาวด์ในปริมาณที่ไม่จำกัด หรือจากพับลิกคลาวด์ลงมายังระบบไพรเวทคลาวด์ที่บริหารจัดการโดยฝ่ายไอทีก็ตาม

ดาต้าแฟบริกนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดการข้อมูลอย่างครอบคลุมสำหรับการจัดเก็บข้อมูล และทำให้เคลื่อนย้ายข้อมูลไปมาระหว่างคลาวด์ขนาดใหญ่อย่างเช่น Amazon Web Services (AWS) ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการจัดการ การย้ายงานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันบนคลาวด์ได้ด้วย ตัวอย่างเช่นในกรณี NetApp Private Storage for Cloud ซึ่งเป็นระบบแบบไฮบริด ได้เข้ามาช่วยองค์กรบางแห่ง ในการจัดวางระบบจัดเก็บข้อมูลที่เป็นแบบฟิสิคัลของพวกเขาเข้าใกล้กับ AWS โดยที่ไม่ต้องย้ายเข้าไปในคลาวด์ของ AWSได้ ทำให้บริษัทสามารถรักษากฎระเบียบด้านการบริหารจัดการข้อมูล และยังประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ต้องลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์เป็นจำนวนเงินมหาศาล รวมทั้งได้ความยืดหยุ่นจากเซิร์ฟเวอร์แบบเวอร์ช่วลในคลาวด์ด้วย

 

ปกป้องข้อมูลของคุณได้อย่างยอดเยี่ยมทั่วทั้งไฮบริดคลาวด์

การย้ายข้อมูลขึ้นไปบนคลาวด์นับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องความปลอดภัยจึงกลายเป็นประเด็นที่สำคัญสำหรับเหล่าผู้บริหารด้านไอที ส่งผลให้หลายคนยังลังเลที่จะหันมาใช้งานคลาวด์ แต่อย่างไรก็ตามด้วย NetApp Data Fabric ที่เป็นอินเทอร์เฟซ ในการจัดการรวมศูนย์หนึ่งเดียวที่ทำให้แอดมินไอทีสามารถบังคับใช้นโยบายด้านไอทีให้ได้ตามเป้าหมายทั้งในส่วนของการให้บริการ การเตรียมความพร้อม และการปกป้องข้อมูลทั่วทั้งไฮบริดคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

และเนื่องด้วยกฎระเบียบมาตรฐานสากลที่มีความเข้มงวดทำให้ทีมงานด้านไอที ต้องใช้เวลาในการสำรองระบบมากกว่าปกติ รวมทั้งการจัดเก็บบันทึก Log, อีเมล์, และการสื่อสารอื่นๆ ด้วย ซึ่งไม่เพียงต้องการเจ้าหน้าที่ด้านไอทีที่มีความถนัดเป็นพิเศษมาคอยจัดการเทปบันทึกข้อมูลสำรองทุกเดือนเท่านั้น แต่ขั้นตอนการกู้คืนยังต้องใช้หลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง และกินเวลาหลายวัน

 

NetApp Data Fabric  ได้เข้ามาตอบโจทย์ ด้วยการผสานการใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ของ NetApp ร่วมกับ AWS Glacier ซึ่งเป็นบริการด้านการจัดเก็บข้อมูลของ AWS จะช่วยให้บริษัทตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัย และลดการใช้บริการของระบบเทปบันทึกข้อมูลไปได้มาก รวมทั้งได้ประโยชน์การจัดเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ในราคาที่ย่อมเยาด้วย ในท้ายที่สุดผลที่ได้รับก็คือ การสำรองข้อมูลจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ, การกู้คืนระบบก็ทำได้รวดเร็วและสะดวกสบาย ทำให้ทีมงานด้านไอทีมีเวลาที่จะไปให้ความสำคัญกับโครงการอื่นที่สำคัญมากกว่า เป็นต้น

 

 


บทสรุป

ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ฝ่ายไอทีจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงกว่าที่เคยเป็น ขณะที่รักษาสมดุลกับด้านความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายไปด้วย ระบบคลาวด์จึงเข้ามาช่วยให้ฝ่ายไอทีมีโอกาสเร่งความเร็วในการพัฒนานวัตกรรม และเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการผลักดันการปฏิวัติทางธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ของ NetApp ในด้านการจัดการข้อมูลสำหรับอนาคตจะทำให้ผู้บริหารด้านไอทีวางรากฐานสำหรับระบบไฮบริดคลาวด์ได้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อใช้เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมายบนพับลิกคลาวด์เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ

[อ่าน 1,852]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
IC! Berlin รุกรีแบรนด์ ปักธงไทยฐานสำคัญอันดับ 2 ของโลก เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ครั้งแรกในไทย
“ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ตัวจริงเรื่องแฮมเบิร์ก เตรียมเปิดสาขา 2! พร้อมเผยซอสใหม่สูตรพิเศษที่แรกในเอเชีย
จากเรื่องเล็กๆ บนโต๊ะอาหาร สู่อีกหนึ่งความทรงจำ ที่คุณจะ ‘คิดถึงแต่เรื่องดีๆ เข้าไว้’
กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2568 มูลค่าธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14
“เอส โคล่า” มอบรางวัลทีมแชมป์ “est Cola Cheering Dance Contest”
ซัมซุง–กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สานต่อความร่วมมือปีที่ 8
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved