“ใต้แล้ง” จุดเปลี่ยนบ้านถ้ำใหญ่ เรียนรู้จัดการน้ำ ยึดเกษตรผสมผสานสร้างรายได้ยั่งยืน
27 May 2021

 

'ภาคใต้' จัดเป็นพื้นที่จำพวกแถบร้อนฝนชุกตกมากตลอดปี จนได้ฉายาว่า เป็นภาค ฝนแปดแดดสี่ นั่นคือ มีฝนตกถึงแปดเดือน และมีแดดเพียงสี่เดือน แต่ใครจะคาดคิดว่า 'ชุมชนบ้านถ้ำใหญ่' อำเภอทุ่งสง
นครศรีธรรมราช กลับต้องประสบกับปัญหา'ภัยแล้ง'ต้นไม้แห้งตายเกือบทั้งหมด แม้แต่บ้านที่อยู่ริมคลองก็ยังไม่มีน้ำใช้ ปลุกให้ผู้คนในชุมชนเริ่มตระหนักและปรับเปลี่ยนความคิด หันมาร่วมกันรักษาป่าต้นน้ำและเรียนรู้การจัดการน้ำ พลิกชีวิตสร้างรายได้จากการทำเกษตรผสมผสาน สามารถก้าวข้ามปัญหาสู่เลิกแล้ง เลิกจนอย่างยั่งยืน

 


สารเคมีทำลายสุขภาพ จุดเปลี่ยนยอมทิ้งรายได้วันละหมื่น

จุรีพร อยู่พัฒน์  หรือ 'เจี๊ยบ' ตัวแทนจากชุมชนบ้านถ้ำใหญ่ ที่ตัดสินใจทิ้งอาชีพแม่ค้าขายส่งผักในตลาดศรีเมือง จังหวัดราชบุรี ทำกำไรสูงถึงวันละหลักหมื่นบาท กลับไปใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิด เล่าว่า

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจทิ้งกิจการค้าขายที่กำลังรุ่งเรืองคือ สัญญาณอันตรายต่อสุขภาพจากสารเคมีที่ติดมากับผัก หลังจากไปทำบัตรประชาชนใบใหม่แล้วพบว่าลายนิ้วมือหายไป เป็นผลมาจากการสัมผัสผักที่มีสารเคมีจำนวนมากทุกวัน จึงเริ่มกังวลและฉุกคิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากทำอาชีพนี้ต่อไปจะมีสารเคมีเข้าสู่ร่างกายอีกจำนวนมาก เพราะแปลงผักที่ไปรับมาส่งในตลาดส่วนใหญ่ใช้สารเคมี ประกอบกับความชอบ และคลุกคลีกับการทำการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก

จึงตัดสินใจกลับบ้านตั้งใจลงทุนทำเกษตรเชิงเดี่ยว คือ สวนยางพารา และสวนผลไม้ที่มีอยู่เดิม หวังถึงรายได้ก้อนโต ที่จะได้รับในแต่ละปีไม่น่าจะยากลำบาก เพราะภาคใต้ฝนตกชุกไม่เคยมีปัญหาภัยแล้ง มีน้ำเพียงพอเอื้อต่อการทำเกษตร แต่เมื่อไปจ่ายตลาดซื้อผักทำให้นึกถึงอันตรายจากสารเคมีในผัก จึงมีความคิดที่จะปลูกผักปลอดสารไว้กินเองและมองเห็นถึงอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ แต่ปรากฏว่าในปีที่เริ่มลงทุนปลูกผักอย่างจริงจังก็เจอปัญหาน้ำไม่เพียงพอคลองข้างบ้านแห้งขอดไม่มีน้ำใช้ผลไม้ที่ปลูกไว้เหี่ยวตายต้องอาศัยเทศบาลให้บรรทุกน้ำมาแจกจ่ายให้คนในชุมชนเก็บใส่แท้งค์ไว้สำหรับใช้อุปโภคและเพาะปลูก 

 

ปลูกผักปลอดสารเคมีความสุขพอเพียงของ จุรีพร อยู่พัฒน์

 

เผชิญภัยแล้งสำรวจป่าต้นน้ำถูกทำลาย จุดประกายเรียนรู้

ภาคใต้น้ำแล้ง พูดไปใครก็หัวเราะ ตอนที่ลงมือปลูกผักเกิดแล้งหนัก ฝนไม่ตกนาน 5 เดือนน้ำในคลองเริ่มแห้ง ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างหนัก เราก็ได้รับผลกระทบ ลงทุนปลูกอะไรไปก็ตายหมด ถือว่าหนักและเป็นปัญหาที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต เริ่มคิดว่า หากยังนิ่งเฉยไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง สักวันเราคงแห้งเหี่ยวตายเหมือนต้นไม้พวกนั้น ซึ่งพอดีเป็นจังหวะที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ประสานมายังเทศบาลถ้ำใหญ่เรื่องการเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ เพราะหากไม่มีการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบต่อไปชาวบ้านจะต้องได้รับผลกระทบหนักกว่าเดิม ตอนแรกก็ลังเลเหมือนกัน เพราะเราไม่มีความรู้ความเข้าใจ ทำไมต้องทำฝายมีประโยชน์ยังไงแต่ภัยแล้งที่เผชิญอยู่ก็ทำให้เราฉุกคิดและเริ่มมีความสนใจ

การเผชิญกับปัญหาภัยแล้งจุดประกายให้คนกลุ่มเล็กๆ ในชุมชนบ้านถ้ำใหญ่เริ่มตระหนักเรื่องน้ำแต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉยไม่สนใจ เพราะภาคใต้ไม่แล้ง ไม่ต้องบริหารจัดการน้ำ และคนใต้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักฝาย แม้เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ จะพยายามให้ความรู้อธิบายถึงประโยชน์ของฝาย กระทั่งมีโครงการของทางมหาวิทยาลัยให้เยาวชนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยลงพื้นที่สำรวจป่าต้นน้ำ พบว่า ป่าหายไปหมดกลายเป็นพื้นที่การเกษตร เมื่อเด็กๆ กลับมาเล่าให้ฟัง จึงคิดได้ว่า เพราะเราคือส่วนหนึ่งของปัญหา การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตร จึงตัดสินใจเข้าร่วมอบรมกับมูลนิธิฯ ถือเป็นการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ ทำให้เข้าใจความสำคัญของน้ำมากขึ้นจากการได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ เรียนรู้การแก้ปัญหา เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและแผนที่ ตลอดจนการจัดการระบบน้ำ 

 

ชุมชนร่วมเรียนรู้การบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

 

จัดการน้ำเปลี่ยนวิธีคิดทำเกษตรผสมผสาน สร้างรายได้มั่นคงยั่งยืน

ช่วงแรกชาวบ้านไม่ค่อยสนใจ ความร่วมมือเกิดขึ้นจากกลุ่มเล็กๆ ก่อน บางหมู่บ้านมีสมาชิกแค่ 3-4 คน หรือบางพื้นที่มีเพียงเด็กๆ ที่สนใจ ปีแรกก็สามารถทำฝายเสร็จไปหลายแห่ง ปีต่อมาเกิดภัยแล้งและน้ำท่วมในปีเดียวกัน แต่พื้นที่ที่มีการสร้างฝาย เรียนรู้การกักเก็บน้ำ กลับไม่ได้รับผลกระทบสามารถใช้น้ำจากฝายมาทำการเกษตรได้ตามปกติ จึงเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้น และนำมาสู่ความร่วมมือในการสร้างฝาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอสซีจี สร้างแหล่งน้ำ ช่วยกันฟื้นฟู-กักเก็บ-สำรองน้ำ เพื่อกระจายน้ำไปได้ถึง 4 ตำบล หล่อเลี้ยงทุกคนและทำให้ชาวบ้านอยู่ได้

 

 

การเรียนรู้เรื่องจัดการน้ำ ไม่เพียงทำให้บ้านถ้ำใหญ่ หาน้ำได้ เก็บน้ำไว้ ใช้น้ำเป็นแต่ได้เปลี่ยนวิถีการทำเกษตรเชิงเดี่ยวเพื่อเงิน และต้องคอยลุ้นว่าจะเผชิญกับภัยแล้งหรือไม่ ราคาผลผลิตจะขึ้นหรือลงอย่างไร ปรับสู่การทำเกษตรผสมผสาน โดยนำความรู้มาปรับใช้ในพื้นที่การเกษตรของตัวเอง เป็นการปลูกเพื่อมีอยู่มีกินเปลี่ยนจาก เม็ดเงินเป็น อาหารหลังบ้าน แถมยังสร้างรายได้ ทั้งรายวัน รายเดือนรายปี หมุนวนตลอดปี 

นอกจากนี้ ชุมชนยังได้เรียนรู้ต่อยอดสร้างอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ มีเอสซีจีเป็นพี่เลี้ยงอบรม การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สอนเรื่องการตลาดทั้ง ออฟไลน์ และออนไลน์ ทำให้พึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจนเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ภาคใต้แล้งอีกครั้ง แต่ที่ชุมชนบ้านถ้ำใหญ่ กลับไม่ได้รับผลกระทบเลย และช่วงสถานการณ์โควิด19 คนตกงานสามารถกลับมาอยู่บ้านได้ โดยไม่ต้องมีเงินมากมาย เพราะที่บ้านมีครบทุกอย่าง ทั้งธรรมชาติ น้ำ อาหารการกิน

 

สร้างฝายเเละเรียนรู้การกักเก็บน้ำ

 

จากที่เราไม่เข้าใจและไม่รู้เรื่องน้ำ ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ ว่าบ้านเรามีน้ำเยอะ ไม่มีวันหมด วันนี้รู้แล้วว่าการไม่มีข้อมูล ไม่มีการสำรวจและสร้างแหล่งน้ำ รวมทั้งไม่มีการจัดการน้ำที่เป็นระบบ ทำให้ขาดความมั่นคงยั่งยืนทั้งเรื่องอาหารและรายได้ จำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อทำให้มีน้ำกินน้ำใช้ รวมถึงทำการเกษตรอย่างเป็นระบบ เพราะน้ำคือชีวิต ที่สำคัญความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความสามัคคี ทุกวันนี้ชุมชนมีน้ำเพียงพอ หันมาทำเกษตรผสมผสาน แม้รายได้จะลดลงจากหลักหมื่นเหลือวันละ 200 บาทก็ไม่เสียดาย เพราะเรามีสุขภาพดีขึ้น พึ่งพาตัวเองได้และยึดในหลักเศรษฐกิจพอเพียง ชีวิตมีความสุขทุกวัน
จุรีพร กล่าวทิ้งท้าย 

[อ่าน 1,895]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'TMAN' เปิดยุทธศาสตร์มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเวชภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตขให้ดียิ่งขึ้น
จิม ทอมป์สัน ส่งแคมเปญ 'Carry Everywhere' พากระเป๋ายักษ์สุดไอคอนิกบุกแลนด์มาร์กดังทั่วไทย
Benz Primus โชว์ผลงานกวาดยอดขาย Mercedes-Maybach สูงสุด 2 ปีซ้อน
SCGC ผนึก Dow เตรียมร่วมมือทางธุรกิจ สร้างโมเดลใหม่
เว็บเกือบล่ม! นันยางปลื้ม วัยรุ่นแห่เข้าแพลตฟอร์มใหม่ 'ดูใจตน วอลเล็ต' ยอดทะลุแสนราย
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ส่ง Healthscape ธุรกิจ Well-Being โชว์นวัตกรรมสุขภาพแบรนด์แรก
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved