บีโอไอเผยผลส่งเสริมการลงทุน เกื้อหนุนเศรษฐกิจไทย
20 Jun 2022

 

ทิศทางของเศรษฐกิจไทยหลังยุคโควิด-19 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการวางอนาคตของประเทศ โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยให้ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป จะต้องอาศัยการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อช่วยยกระดับศักยภาพและการแข่งขันของไทยให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่มีคุณค่า เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมาบีโอไอให้การอนุมัติส่งเสริมการลงทุน จำนวน 1,572 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 511,900 ล้านบาท โดยเป็นการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 768 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 49 ของจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น มีมูลค่ารวม 315,620 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62 ของมูลค่าการอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งสิ้น

การอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ 69 โครงการ เงินลงทุนรวม 60,300 ล้านบาท มีโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการโปรตีนแอนติเจนและโปรตีนแอนติบอดีตัดแต่งพันธุกรรม โครงการผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนบำบัดเพื่อการรักษาโรคในกลุ่ม Car T Cell โครงการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์และบริการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม โครงการ Vaccine, Monoclonal Antibody Drug, Therapeutic Protein โครงการวิจัยและพัฒนาด้านหัวเชื้อยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอ เป็นต้น

สำหรับในอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มีจำนวน 14 โครงการ เงินลงทุนรวม 1,150 ล้านบาท มีโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการประกอบหุ่นยนต์ Parallel Link Robot โครงการระบบเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนการออกแบบระบบอัตโนมัติและระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เป็นต้น ในส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีจำนวน 99 โครงการ เงินลงทุนรวม 32,520 ล้านบาท และอุตสาหกรรมดิจิทัลมีจำนวน 120 โครงการ เงินลงทุนรวม 5,210 ล้านบาท มีโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ AI (Artificial Intelligence) และ ML (Machine Learning) เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ จากการสำรวจความคืบหน้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 เพื่อประเมินผลจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในหลายด้าน พบว่า โครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในปี 2564 คาดว่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกของประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 842,603 ล้านบาทต่อปี โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าประมาณ 372,959 ล้านบาท

โครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน ในปี 2564 ช่วยสร้างงานให้คนไทย 113,562 ตำแหน่ง โดยโครงการในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการจ้างงานเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 40 ของการจ้างแรงงานไทย หรือมีการจ้างงานประมาณ 45,081 ตำแหน่ง รองลงมา คือหมวดอุตสาหกรรมเบา คิดเป็นร้อยละ 20 หรือประมาณ 22,662 ตำแหน่ง และหมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง คิดเป็นร้อยละ 14 ของการจ้างแรงงานไทย หรือประมาณ 15,923 ตำแหน่ง

โครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่ และมีการจ้างแรงงานจำนวนมาก ในปี 2564 อยู่ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ผลิตสินค้ามีการลงทุนและปรับเปลี่ยนสายการผลิตใหม่ให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไทยยังคงเป็นฐานผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ โครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนยังมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ มูลค่าประมาณ 711,335 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งหมด โดยโครงการในหมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จะใช้วัตถุดิบในประเทศมากเป็นอันดับ 1 มูลค่าประมาณ 282,126 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 74 ของมูลค่าการใช้วัตถุดิบทั้งหมด รองลงมาเป็นหมวดเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร ประมาณ 164,697 ล้านบาทต่อปี และหมวดอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะใช้วัตถุดิบในประเทศ 93,786 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า การส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในหลายด้าน โดยในด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมการลงทุนทำให้จีดีพีของประเทศขยายตัวคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 480,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งยังมีส่วนสำคัญในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานจากการจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้น ช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออก สร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้วัตถุดิบในประเทศ ก่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนา เพื่อยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนการพัฒนาทักษะองค์ความรู้ใหม่ ที่สอดรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

[อ่าน 1,213]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วัตสัน จัดงาน “Watsons for Better Health” พร้อมเปิดตัว “เดย์ไวต้า พลัส 50” วิตามินรวมรายวันสูตรใหม่ เสริมทัพสินค้าเพื่อสุขภาพตราวัตสัน
เคล็ด…(ไม่)…ลับ ‘กลยุทธ์เมนูเส้น’ อาหารจานเดียวที่พลิกสตรีทฟู้ด ร้านอาหาร สู่การเติบโตได้
ศุภาลัย เดินหน้าปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง อัดโปรแรง “ยิ้ม ยืด ยาว” ผ่อนเบาสูงสุด 36 เดือน
โฮมโปร พลิกโมเดลบริการค้าปลีก!! จัดกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า”
เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมจัดงาน Sky Career Festival ครั้งที่ 7 ในธีม ‘Road to the Sky 2025’ ปลุกพลังและศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่เส้นทางอาชีพการบิน
อสังหาฯ เดือด BAM ลดหนักจัดเต็ม FLASH SALE 7.7
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved