ค่าเงินบาทวันนี้อยู่ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์
22 Jun 2022

 

ผู้เล่นในตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ แรงซื้อหุ้นเทคฯ รวมถึงหุ้นสไตล์ Growth ที่ปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา อาทิ

Tesla +9.4%, Alphabet (Google) +4.1%, Apple +3.3% ได้ช่วยหนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.51% เช่นเดียวกันกับ ดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวขึ้นราว +2.45%

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานตามการรีบาวด์ของราคาน้ำมัน และการปรับมุมมองการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีขึ้นของนักวิเคราะห์ อาทิ Exxon Mobil +6.2%, Chevron +4.2% ก็ได้ช่วยหนุนการรีบาวด์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

 

ฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นราว +0.35% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ รวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ ASML +2.7%, Adyen +2.2%, Dior +2.1%

 

ฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 3.28% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟดในวันนี้ เพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน ทั้งนี้ เราคงมุมมองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจเริ่มทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวมากขึ้น หลังจากที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก และหากมีมุมมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในกรณีเลวร้ายสุด บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็จะสามารถทยอยปรับตัวลดลงได้

 

ฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ โดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.4 จุด โดยปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ยังคงเป็นการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดได้อ่อนค่าแตะระดับ 136.5 เยนต่อดอลลาร์ ตามแนวโน้มนโยบายการเงินที่สวนทางกันระหว่างธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กับเฟด

ส่วนแรงกดดันเงินดอลลาร์นั้นมาจากภาพตลาดที่เริ่มกลับมาทยอยเปิดรับความเสี่ยง รวมถึงการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินฝั่งยุโรป อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์อาจยังคงมีทิศทางผันผวนและแกว่งตัว sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสก่อนในวันนี้

ทั้งนี้ แม้เงินดอลลาร์จะยังทรงตัวใกล้ระดับเดิม แต่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดยังคงกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้ระดับ 1,832 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวเป็นขาขึ้นได้ยาก และมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways จนกว่าตลาดจะมีความมั่นใจในแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดก่อน

 

สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยในฝั่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด นั้น ผู้เล่นในตลาดจะจับตาการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด (Powell’s Testimony) โดยเฉพาะผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟด รวมถึงความจำเป็นหรือโอกาสที่เฟดจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ หลังจากที่ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอลงหนักและเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ หากเฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot ล่าสุด

 

ส่วนในฝั่งไทย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ดุลการค้าในเดือนพฤษภาคมอาจขาดดุลราว -1.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นและปัญหาเงินบาทอ่อนค่าจะยิ่งหนุนให้ยอดการนำเข้าโตกว่า +18%y/y ในขณะที่ยอดการส่งออกอาจโตเพียง +8%y/y

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท 

แม้เงินบาทจะพอได้แรงหนุนในฝั่งแข็งค่า ตามภาพตลาดการเงินที่ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่โดยรวมเงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนและมีโอกาสอ่อนค่าในช่วงระหว่างวันไปทดสอบโซนแนวต้านแถว 35.40 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้งได้

โดยแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่านั้น ยังคงมาจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ โดยล่าสุด นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นและบอนด์ไทยรวมกันกว่า -7.1 พันล้านบาท ซึ่งเราประเมินว่า ความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะมีส่วนทำให้เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าต่อได้ในช่วงนี้

 

นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังความผันผวนจากเงินดอลลาร์ในช่วงระหว่างตลาดรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ซึ่งหากประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงต่อเนื่อง หรือ แสดงความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงได้บ้าง

อนึ่ง เราประเมินว่า การทยอยปรับลดสถานะถือครองเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด (Net Long USD positions) แม้ว่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา อาจสะท้อนว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปได้มาก และเริ่มมีการทยอยขายทำกำไร ทำให้เรามองว่า เงินดอลลาร์จะเริ่มกลับตัวเป็นขาลงได้ หากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง หรือ จุด Peak Hawkishness ของเฟดได้มาถึงแล้ว ซึ่งเราคาดว่าอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงการประชุมเฟดเดือนกรกฎาคม

 

อนึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราคงแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.20-35.45 บาท/ดอลลาร์


 

 

พูน พานิชพิบูลย์

นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน

Krungthai GLOBAL MARKETS

ธนาคารกรุงไทย

 

 

[อ่าน 1,162]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วัตสัน จัดงาน “Watsons for Better Health” พร้อมเปิดตัว “เดย์ไวต้า พลัส 50” วิตามินรวมรายวันสูตรใหม่ เสริมทัพสินค้าเพื่อสุขภาพตราวัตสัน
เคล็ด…(ไม่)…ลับ ‘กลยุทธ์เมนูเส้น’ อาหารจานเดียวที่พลิกสตรีทฟู้ด ร้านอาหาร สู่การเติบโตได้
ศุภาลัย เดินหน้าปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง อัดโปรแรง “ยิ้ม ยืด ยาว” ผ่อนเบาสูงสุด 36 เดือน
โฮมโปร พลิกโมเดลบริการค้าปลีก!! จัดกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า”
เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมจัดงาน Sky Career Festival ครั้งที่ 7 ในธีม ‘Road to the Sky 2025’ ปลุกพลังและศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่เส้นทางอาชีพการบิน
อสังหาฯ เดือด BAM ลดหนักจัดเต็ม FLASH SALE 7.7
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved