‘เคแบงก์ X คาราบาวแดง’ ร่วมทุนกว่า 1.5 หมื่น ลบ. ปั้น ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ เป็น ‘Point of Everything’
27 Jul 2022

 


‘ธนาคารกสิกรไทย’ ร่วมลงทุน ‘ทีดี ตะวันแดง’ กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ผ่านตราสารที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้น ‘ทีดี ตะวันแดง’ ตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนา/สร้างเครือข่าย ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ร้านค้าสะดวกซื้อชุมชนทั่วประเทศ ขับเคลื่อนเครือข่ายเศรษฐกิจฐานราก เปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่สนใจเปิดร้านมีโอกาสเป็นเจ้าของ พร้อมตั้งเป้าปั้นจาก Point of Sale สู่ Point of Everything และก้าวสู่ผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อชุมชนในประเทศไทยที่ให้บริการการเงิน และสินเชื่อครบวงจร  


 

จากพื้นฐานความคุ้นเคยการทำธุรกิจกับพันธมิตรที่สำคัญ อย่างร้านโชห่วยทั่วประเทศ ในฐานะ ‘คาราบาวแดง’ ของ ‘ทีดี ตะวันแดง’ และเห็นการล้มหายตายจากของธุรกิจ ‘คนตัวเล็ก’ เหล่านี้ ทั้งที่โชห่วย คือ เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ นี่จึงเป็นที่มา ของการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของร้านค้าสะดวกซื้อชุมชนให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ในนาม ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ โดย ‘ทีดี ตะวันแดง’ และ ได้พัฒนาเป็นเครือข่ายได้กว่า 5,000 ร้านค้าในปัจจุบัน ทว่า การจะสร้างเครือข่ายให้เติบใหญ่เป็น 1 หมื่นร้านค้าในปีนี้ และเพิ่มเป็น 3 หมื่นร้านภายในปี 2567 ตามเป้าหมายนั้น จะต้องมีเงินทุนสนับสนุน ดังนั้น การจับมือกับธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของ ทีดี ตะวันแดง ที่เดินเคียงข้างกันมาถึงสองทศวรรษจึงเป็นการร่วมเดินทางเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกันอีกครั้ง 

 

ภาพจากซ้าย  เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และ พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

 

ทั้งนี้ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด เปิดเผยว่า

“ความร่วมมือระหว่าง ‘ร้านถูกดี มีมาตรฐาน’ กับ ธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างกำลังซื้อให้กับชุมชน และความแข็งแกร่งให้กับร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในปัจจุบัน และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเปิดร้านรายอื่นๆ ในอนาคต ตลอดจนซัพพลายเออร์และผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับในตลาดค้าปลีกได้มากยิ่งขึ้น โดยในช่วงนี้ร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ อยู่ในระหว่างการเปิดรับสมาชิก และการเปิดบริการพรีออร์เดอร์สินค้าต่างๆ ที่มีกว่า 2,000 SKU อาทิ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมตั้งเป้าจะเพิ่มหมวดสินค้าต่างๆ เป็น 2 หมื่น SKU และจะเพิ่มเป็น 2 แสน SKU ในอนาคต อาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ฯลฯ ซึ่งในขณะนี้ ได้เตรียมพื้นที่คลังสินค้ากว่า 3 แสนตารางเมตรกระจายทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของเครือข่ายร้านค้าเหล่านี้”

อย่างไรก็ตาม ด้วยว่า Positioning ของร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ถูกวางให้เหนือกว่าการเป็นร้านค้าสะดวกซื้อของชุมชน แต่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการให้บริการต่างๆ พร้อมตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในชุมชน นั่นคือการขยับทีละขั้นจาก Point of Sale เป็น Point of Service และ ‘Point of Everything’ ทั้งนี้ บริการต่างๆ ใน Pipeline ที่เสถียรเปิดเผยมาบางส่วน เช่น บริการจ่ายบิล บริการรับส่งพัสดุภัณฑ์ บริการให้สินเชื่อกับสมาชิก บริการรักษาทางการแพทย์ทางไกล ฯลฯ ซึ่งหากสามารถให้บริการได้ตามนี้ แน่นอนว่า นี่ย่อมจะเป็น ‘Point of Everything’ หรือ ศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ขณะที่ พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงการร่วมลงทุนครั้งนี้ว่า

“มูลค่าการลงทุนของธนาคารรวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมการร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุนในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด และเตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ‘เค บาว’ เพื่อให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้กับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ตั้งใจพัฒนาร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชน เนื่องจากชุมชนนอกตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ลูกค้ามีความต้องการใช้บริการการเงิน แต่บางส่วนกลับเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่มีหลักฐานการเงินที่ทำให้เข้าถึงได้ และเป็นพื้นที่ที่สาขาของธนาคารยังเข้าไม่ถึง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในวงจรของร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’  ตั้งแต่เจ้าของร้าน คู่ค้า ชาวบ้านในชุมชน สามารถจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการการเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ง่ายขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน”

 

 

การพัฒนาร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’  ที่ธนาคารมีแผนดำเนินการร่วมกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ประกอบด้วย

  1. ส่งเสริมศักยภาพของร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ให้เป็นร้านสะดวกซื้อชุมชนที่เป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านและระบบการชำระเงินต่างๆ 
  2. เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ โดยธนาคารนำข้อมูลการจับจ่ายในชีวิตประจำวันมาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ หรือเจ้าของร้านค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนภายในร้าน
  3. เป็นจุดให้บริการธุรกรรมการเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน เช่น บริการถอนเงิน จ่ายบิล เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มบริการดิจิทัลต่างๆ เช่น สแกนจ่ายด้วยคิวอาร์โค้ด ซึ่งคนในชุมชน ส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยแล้ว เป็นผลจากนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในช่วงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 

 

พัชร กล่าวต่อว่า “ความร่วมมือนี้ จะทำให้ธนาคารมีจุดบริการเคแบงก์ เซอร์วิส (KBank Service) เพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นจุด จากเดิมมีจำนวนกว่า 27,000 จุด เพิ่มช่องทางการให้บริการได้ลึกถึงแหล่งชุมชนและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบัน ธนาคารมีช่องทางให้บริการผ่านสาขาจำนวน 830 สาขา ตู้เอทีเอ็มและตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ รวม 11,000 ตู้ และ K PLUS ที่มีลูกค้าใช้งานกว่า 18 ล้านราย”

 

พร้อมกันนี้ ชย จันทร์สมิตมาศ ซีอีโอ บริษัทร่วมทุน ‘เค บาว’ กล่าวถึงการให้บริการทางการเงินของร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ว่า สำหรับบริการทางการเงินที่ปล่อยผ่านร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ นั้นเป็นนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่แล้วที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และมุ่งให้ ‘คนตัวเล็ก’ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ สำหรับการให้สินเชื่อของร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ นั้นเป็นสินเชื่อที่เจ้าของร้านมีส่วนร่วมพิจารณาและมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วยหากกรณีเกิดความผิดพลาด เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นคนในชุมชนเดียวกัน และมีความคุ้นเคยกับลูกค้าที่เป็นสมาชิกของร้านฯ ในชุมชนเป็นอย่างดี

อีกทั้ง ลูกค้าสมาชิกเหล่านี้จะเข้ามาซื้อสินค้าโดยเฉลี่ย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม วงเงินสินเชื่อที่ให้กับสมาชิกร้านฯ ดังกล่าวเป็นการให้เพื่อใช้ซื้อสินค้าในร้านแล้วค่อยจ่ายภายหลัง หรือ Buy Now, Pay Later ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสด และวงเงินหลักพันบาทเท่านั้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า แต่ทั้งนี้ ลูกค้าสมาชิกต้องมีการยืนยันตัวตน อาทิ บัตรประชาชน และอื่นๆ ตามกฎเกณฑ์ของ ธปท.เพียงแต่ไม่ต้องยื่นเอกสารหรือสเตทเม้นท์ ฯลฯ ไม่ต้องเช็คเครดิตบูโร ฯลฯ”

 

 

ในตอนท้าย เสถียร ได้กล่าวย้ำถึงการพัฒนาร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ ว่า

“บริษัทไม่ได้มองเพียงการเข้ามาพัฒนาและปรับร้านโชห่วยให้มีความทันสมัยเท่านั้น แต่วางเป้าหมายให้ร้าน ‘ถูกดี มีมาตรฐาน’ เป็นเสมือน ‘แพลตฟอร์ม’และ ‘โครงข่าย’ ที่เชื่อมโยงกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนทั่วประเทศ และเชื่อมต่อผู้ผลิต และผู้ให้บริการต่างๆ ที่คนในชุมชนเคยเข้าถึงได้ยาก อาทิ บริการทางการเงิน, เป็นจุดรับส่งสินค้าในชุมชน, บริการสินค้าทางการเกษตร ฯลฯ โดยเฉพาะในชุมชน หมู่บ้านที่ห่างไกลที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังเข้าไม่ถึง โดยตั้งเป้าให้ เป็น ‘โซลูชั่น’ ที่จะเข้าไปตอบโจทย์และเพิ่มความสะดวกให้คนในชุมชน ทำให้การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทั่วประเทศง่ายขึ้น ซึ่งความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ เป็นหนึ่งใน กลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายดังกล่าว”

 

[อ่าน 2,126]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พานาโซนิค บิวตี้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “Panasonic nanocare EH-NA0J” เจาะตลาดไฮเอ็นด์
เอ็มจี เผยยอด NEW MG4 ELECTRIC ช่วงไตรมาสแรก โตขึ้น 45%
ไทวัสดุ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดสาขาใหม่ที่ 80 “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาอุดรธานี กุดสระ”
ซีพีเอฟ จับมือ เอสเอพี นำโซลูชันดิจิทัลยกระดับการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการเติบโตยั่งยืน
กรุงศรี เดินหน้ากลยุทธ์กลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ
โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ จับมือ บิล เบ็นสลีย์ พร้อมเพื่อนศิลปิน จัดกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ป่า “CALL OF THE CARDAMOMS”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved