เวทีเสวนาสภาองค์กรของผู้บริโภค หนุนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว 15 บาทตลอดสาย ชง กทม. ยกเลิกคำสั่ง คสช. ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
23 Aug 2022

 

สภาองค์กรของผู้บริโภคจัดเวทีเสวนา ‘เคาะสูตรไหน ? ให้ราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลง ผู้บริโภคได้ประโยชน์’ โดยมีตัวแทน กทม. ผู้บริโภค และพรรคการเมืองเข้าร่วมเสนอหาทางออก ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า สูตรราคาที่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์มากที่สุดคือ เก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 15 บาท ตลอดสาย

 

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุว่า แม้การพิจารณาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะมีความซับซ้อนและเป็นผลจากการตัดสินใจของกรรมการสภากรุงเทพมหานครชุดก่อนหน้า แต่ยังสามารถทำให้ถูกที่ถูกทางได้ ทั้งนี้ หลักการเบื้องต้นอยากให้คิดว่ารถไฟฟ้าเป็นบริการสาธารณะที่การคิดค่าโดยสารต้องไม่คำนึงในเรื่องขาดทุนหรือกำไร แต่ต้องคิดราคาค่าโดยสารตามหลักการบริการสาธารณะ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม

 

โดยข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภค ใน 3 ประเด็น หลักคือ 1) ให้ กทม. ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 3/2562 และเริ่มดำเนินการตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ พ.ศ. 2562 ในส่วนการต่อสัมปทาน  และเสนอให้มหาดไทยตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวใหม่โดยมีตัวแทนของสภาองค์กรของผู้บริโภค และหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นกรรมการ

 

2) ประเด็นเรื่องการจัดการหนี้สินของ กทม. สภาองค์กรของผู้บริโภคเห็นว่า หนี้สินในส่วนงานโยธาจำนวน 7 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถอีกประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท นั้น กทม.ควรจะเสนอให้กระทรวงการคลัง บันทึกรายการหนี้ไว้ก่อน โดยไม่ต้องชำระหนี้ในตอนนี้

 

3) สำหรับการจัดเก็บอัตราค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย 1 – 2 ก่อนถึงหมดอายุสัมปทานในปี 2572 ควรเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย และสูงสุดในช่วงไข่แดงที่เป็นสัมปทานเดิมไม่ควรเกิน 44 บาทเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้บริการระบบรถไฟฟ้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับ สูตรราคาค่าโดยสาร 14+2x (14 บาทบวกเพิ่มครั้งละ 2 บาทในแต่ละสถานีรถวิ่งผ่าน) เพราะทำให้ผู้บริโภคแบกรับราคาค่าโดยสารมากขึ้น

สารี กล่าวต่ออีกว่า สำหรับส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง – สมุทรปราการ และหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต เห็นว่า กทม.ไม่ควรจะแบกรับทั้งหมดเนื่องจากส่วนขยายเชื่อมต่อไปถึงจังหวัด ปทุมธานี สมุทรปราการ และนนทบุรี แต่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่เข้ามารับผิดชอบหนี้สินดังกล่าว

 

กทม. เสนอ สภา กทม. เคาะราคาค่าโดยสาร

ขณะที่ ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  และประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร พร้อมรับทุกข้อเสนอจากเวทีสภาองค์กรของผู้บริโภค

โดย ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า กทม. เตรียมเสนอสภากรุงเทพมหานครพิจารณา เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1) เรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟาสายสีเขียวส่วนที่เป็นไข่แดง คือ หมอชิต – อ่อนนุช ที่จะหมดสัมปทานในปี 2572 ว่าจะต่อสัมปทานหรือไม่

2) การพิจารณาสัญญาเดินรถในส่วนต่อขยาย ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนต่อขยาย 1 อ่อนนุช – แบริ่ง และ สะพานตากสิน – บางหว้า ซึ่งส่วนนี้มีสัญญาชัดเจนว่า กทม. จ้าง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ได้ว่าจ้าง BTSC ในการเดินรถ ซึ่งเป็นการทำสัญญาที่ผ่าน สภา กทม. แล้ว ขณะที่ส่วนต่อขยาย 2 แบริ่ง – สมุทรปราการ และ หมอชิต – สะพานใหม่ -คูคต ยังไม่อยู่ในรูปแบบสัญญาที่ชัดเจน เป็นเพียงบันทึกข้อความมอบหมายให้ กรุงเทพธนาคม จ้าง BTSC เดินรถ และยังไม่มีการพิจารณาผ่านสภา กทม.

 และ 3) การพิจารณาเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยายแบ่งออกเป็น 2 สูตรคือ การคำนวณค่าโดยสารแบบ 14+2x หรือเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 15 บาทตลอดสาย หากรวมกับราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนไข่แดงต้องไม่เกิน 59 บาท

ด้านประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร อธิบายว่า เพราะแม้ กทม. จะเก็บค่าโดยสารในราคาใด ก็ยังไม่สามารถสะท้อนต้นทุน เพราะยังต้องเข้าใช้งบประมาณในการอุดหนุน ทั้งนี้ หากเก็บค่าโดยสารในส่วนต่อขยาย 15 บาท กทม. จะมีรายได้ประมาณ 1,899 ล้านบาท ซึ่งส่วนต่างที่ กทม. ต้องชดเชยต่อปีอยู่ที่ 6,324 ล้านบาท

แต่หากใช้สูตร 14+2x ราคาสูงสุดไม่เกิน 59 บาท กทม. จะมีรายได้ประมาณ 1,917 ล้านบาท และต้องตั้งงบประมาณอุดหนุนจำนวน 6,305 ล้านบาท (ผู้บริโภคสามารถรับชมที่มาและวิธีคำนวณค่าโดยสารสายสีเขียวทั้ง 2 สูตร ได้ที่ เวทีเสวนา ‘เคาะสูตรไหน ? ให้ราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลง ผู้บริโภคได้ประโยชน์’ นาทีที่ 32.40 – 40.10 )

 

“การเคาะสูตรราคาค่าโดยสาร เป็นเรื่องที่หนักใจ เพราะ กทม. ไม่ได้คิดราคาค่าโดยสารจากการคิดต้นทุนกำไร แต่ยึดเอาการบริการสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่เพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณที่จะนำไปใช้ในส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวจะถูกเสนอให้ สภา กทม. ร่วมพิจารณาก่อนต้นเดือนกันยายน” ประพาส กล่าว

 

เพื่อไทย – ภูมิใจไทย เคาะ 15 บาทผู้บริโภคได้ประโยชน์

ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย แสดงความเห็นว่า กทม. ควรจะเสนอให้ ครม. ทบทวนมติเรื่องการถ่ายโอนการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการให้ กทม. ไปก่อหนี้กับกระทรวงการคลัง ซึ่งในทางนิตินัยมติดังกล่าวยังไม่ครบถ้วน เนื่องจาก กทม. ยังไม่ก่อหนี้ ดังนั้น จึงอยากให้ สภา กทม.พิจารณาและทบทวน มติดังกล่าว เนื่องจากการให้ กทม. จ่ายหนี้สินในส่วนต่อขยายที่ 2 นั้นไม่เป็นธรรม

ส่วนประเด็นเรื่องการเก็บอัตราค่าโดยส่วนต่อขยาย 2 นั้น ดร.สิริพงศ์ มองว่า ควรจะใช้ราคา 15 บาท ตลอดสายในส่วนต่อขยาย เพราะผู้บริโภคได้ประโยชน์มากกว่าการคำนวณแบบ 14+2x ที่มีราคาสูงกว่า

เช่นเดียวกับ ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่มองว่า ในช่วงที่ยังไม่หมดสัญญาสัมปทาน สูตรราคาค่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ คือ ราคา 15 บาทตลอดสาย ส่วนในระยะยาว ค่าโดยสารรถไฟฟ้าควรจะเป็นราคาเดียวในทุกสาย และรัฐบาล หรือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ควรเป็นหน่วยงานเดียวที่การบริหารจัดการถ เพื่อให้สามารถควบคุมราคาค่าโดยสารได้

ทั้งนี้จุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่เสนอมาโดยตลอดคือ ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ต้องไม่คิดรวมต้นทุนค่าโครงสร้างพื้นฐาน เพราะถือเป็นบริการสาธารณะที่รัฐต้องบริการประชาชน จึงไม่ควรคิดเรื่องต้นทุน – กำไร ดังนั้น ที่ผ่านมา เพื่อไทยจึงเสนอให้เก็บอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่เกิน 30 บาท

 

นักวิชาการเสนอ ครม. ยกเลิก คำสั่ง คสช. 3/2562

รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   กล่าวว่า ปัญหาในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียว มี 3 ประเด็นสำคัญคือ 1) ปัญหาการจัดการจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายที่ 1 ที่มีการทำสัญญาจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถ เกินจากช่วงเวลาสัมปทาน

ซึ่งในเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากตัดสินไปในทิศทางที่ดีก็จะทำให้ กทม. สามารถบริการจัดการรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น

ประเด็นที่ 2 คือ การจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติสภา กทม. ทั้งยังไม่ได้รับโอนทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์ จาก รฟม. ซึ่งมองว่า กทม. ควรจะยกเลิกการลงนามดังกล่าว รวมถึงไม่ควรเก็บค่าโดยสารในส่วนนี้เพื่อไม่ให้มีส่วนผูกพัน โดยควรจะคืนหนี้และกรรมสิทธิ์ดังกล่าวให้กับ รฟม. เนื่องจากหาก กทม. รับหนี้จะกระทบต่อสัมปทานที่จะจบในปี 2572 ทำให้มีปัญหาได้ในอนาคต

และประเด็น 3 การดำเนินการตามคำสั่งของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2562 ซึ่ง กทม .ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามเจตนารมน์ทั้งในเรื่องของการก่อหนี้และเรื่องของเจตนารมณ์ในการเก็บราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมเป็นธรรมดังนั้นกทม.ควร ควรเสนอกลับไป ครม.ทบทวนยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเพราะไม่สามารถดำเนินการตามเจตนารมณ์ได้

 

ผู้บริโภค เรียกร้องเคาะราคาให้คนจนเข้าถึงได้

ด้าน วิมล ถวิลพงษ์ รองประธานชุมชนใต้สะพาน (ชุมชนพูนทรัพย์) เครือข่ายสลัมสี่ภาค   กล่าวว่า ปัจจุบัน ค่าโดยสารรถไฟฟ้ายังมีราคาสูงทำให้คนจนไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะหากเดินทางจากชุมชน คิดราคาไม่เกิน 59 บาทตลอดสาย เท่ากับว่าเดินทางไป – กลับต้องเสียงเงินถึง 120 บาท ซึ่งคนที่มีรายได้น้อยไม่มีกำลังพอที่จะจ่าย จึงอยากให้รถไฟฟ้ามีราคาที่คนจนเดินทางได้

สอดคล้องกับ จักรกฤษณ์ เต็มเปี่ยม ตัวแทนรุ่นใหม่ ที่ระบุว่า ตัวเองอาศัยในชุมชนคลองเตย แต่มีโอกาสเดินทางด้วยรถไฟฟ้าน้อยครั้งมากเพราะใช้บริการรถเมล์ถูกกว่า แม้ว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจะสะดวกสะบายกว่า แต่ด้วยค่าโดยสารที่สูงแม้จะเป็นบัตรโดยสารนักเรียน ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ เพราะต้องเก็บเงินค่าเดินทางเอาไว้เป็นค่าอาหารหลังเลิกเรียน จึงอยากให้กำหนดราคารถไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเดินทางได้ในราคาที่เหมาะสม

 

[อ่าน 1,313]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
BEM คว้า 2 รางวัลองค์กรเด่นจาก IAA Awards 2025 ตอกย้ำมาตรฐานบริหารและงานนักลงทุนสัมพันธ์โปร่งใส
SYNNEX เปิดคลังลดแรงส่งท้ายปี กับงาน Synnex Big Bang Sale 2025 วันที่ 14–15 พ.ย. นี้
“โอ๊ตไซด์” จับมือพันธมิตรร้านกาแฟกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสเข้าถึงนมโอ๊ตคุณภาพสำหรับทุกคน แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
หมัดเด็ดส่งท้ายปี! MK คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท รวมพลังเมนู “ลูกชิ้น MK” ทานได้ไม่อั้น
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 30 ปี จัดคาราวานตรวจสุขภาพฟรี “Healthy U by Prudential” ส่งเสริมคนไทยใส่ใจสุขภาพ
กองทุนประกันชีวิตเข้าร่วมออกคูหานิทรรศการในงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 20 (Money Expo 2025 CHIANGMAI)
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved