ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา ประจำปี 2565 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมกับผลลัพธ์ของยอด GMV ที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของปีที่แล้ว แม้ท่ามกลางความท้าทายระดับมหาภาค และผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 งานนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นเทรนด์การบริโภคที่โดดในกลุ่มสินค้าต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง กลุ่มของเล่นของสะสม และกลุ่มเครื่องประดับ
สำหรับ 11.11 ปีนี้ เรียกได้ว่า เต็มไปด้วยความหลากหลายและมีชีวิตชีวาที่สุด ด้วยพาเหรดสินค้าที่ยกขบวนกันมามากกว่า 290,000 แบรนด์จาก 7,000 หมวดหมู่ โดยมีผู้ค้า ทั้งแบรนด์เก่าแก่จากแดนมังกร แบรนด์ต่างประเทศ แบรนด์สตาร์จอัพของคนรุ่นใหม่ยุค 90’ บนเถาเป่า (Taobao) ตลอดจนผู้ค้าจากพื้นที่ห่างไกลครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม
ทางฝั่งแพลตฟอร์มการค้าข้ามพรมแดนของอาลีบาบาก็ไม่น้อยหน้า เพราะงานนี้ ทีมอลล์ โกลบอล (Tmall Global) ได้ต้อนรับผู้ค้าเกือบ 40,000 แบรนด์ ครอบคลุมกว่า 90 ประเทศ และภูมิภาค เข้าร่วมมหกรรมนี้ เพื่อส่งมอบสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีน ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสัญชาติไทย ไปจนถึงอุปกรณ์ปิกนิคสไตล์ผู้ดีอังกฤษ โดยปีนี้เหล่าผู้ค้าจากต่างประเทศกว่า 1,009 แบรนด์ สามารถสร้างการเติบโตของยอด GMV ได้มากกว่า 100% เมื่อเทียบปีต่อปี
มากกว่าแค่มหกรรมช้อปปิ้ง
ด้วยความโดดเด่นของอาลีบาบา กรุ๊ป ที่สามารถเข้าถึงผู้ค้านับพันล้านราย และพาร์ทเนอร์ธุรกิจจากหลากหลายอุตสาหกรรม จึงทำให้บริษัทสามารถวางกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในหมู่ผู้ค้าและผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่า มหกรรมช้อปปิ้งซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่าง 11.11 Global Shopping Festival นั้น ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการมอบรางวัลแก่นักช้อป ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ และประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สร้างสรรค์จากอาลีบาบาและผู้ค้าบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสที่หน่วยธุรกิจทุกส่วนของอาลีบาบาจะได้ประสานความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบโซลูชั่นบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ อาลีบาบายังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ดิจิทัล สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ผู้สูงอายุ ผ่านโครงการริเริ่มใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตลอดช่วง 11.11 ปีนี้ ดังนั้น 11.11 จึงเป็นภาพสะท้อนของความมุ่งมั่นตั้งใจของอาลีบาบา ที่จะสร้างโลกอีคอมเมิร์ซที่เป็นมิตรต่อทุกคนและสิ่งแวดล้อม
ช้อปปิ้งอย่างยั่งยืนกับ 11.11
สำหรับปีนี้ อาลีบาบา กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมให้มหกรรม 11.11 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะการบริโภค ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้วย
ไช่เหนียวเพิ่มจำนวนตู้รับกล่องพัสดุรีไซเคิลตามสถานีไช่เหนียว โพสต์กว่า 130,000 แห่งในช่วง 11.11
นอกจากนี้ ในภาพรวมขององค์กร อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (สำหรับ สโคป 1 และสโคป 2) ภายในปี 2573 และล่าสุด ยังประกาศเป้าหมาย สโคป 3+ ( SCOPE3+) ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.5 กิกะตันภายในปี 2578
ทั้งนี้ แดเนียล จาง ประธานและซีอีโอของ อาลีบาบา กรุ๊ป ได้กล่าวว่า
“เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ที่สร้างสรรค์ในสังคม พร้อมกำหนดกลยุทธ์ ESG ในภารกิจของการเป็นบริษัทที่ดี ที่จะดำเนินกิจการให้ได้ถึง 102 ปี และเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคตของอาลีบาบา ด้วยการใช้ประโยชน์จากความเป็นผู้นำที่โดดเด่นของเราในฐานะผู้ดำเนินการแพลตฟอร์ม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ค้า และพันธมิตร ทั้งในประเทศจีน และทั่วโลก ด้วย สโคป 3+ ซึ่งเป็นพันธกิจใหม่ของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1.5 กิกะตันภายในปี 2578”
11.11 สำหรับทุกคน
มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ไม่ได้ส่งมอบความสนุกให้กับเฉพาะคนรุ่นใหม่เท่านั้น หากแต่ประชากรอาวุโส หรือ Silver Generation ก็สามารถร่วมสนุกไปกับการช้อปปิ้งได้เช่นกัน ประเด็นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของอาลีบาบา ที่ต้องการส่งเสริมชุมชนแห่งการมีส่วนร่วม ปีนี้ อาลีบาบา กรุ๊ป จึงได้อัพเกรดฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้บริโภครุ่นอาวุโสสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นหลักๆ ของบริษัทได้ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่การช้อปปิ้งออนไลน์ไปจนถึงแอพนำทาง ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้แก่ผู้บริโภคสูงอายุ และทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ในทำนองเดียวกัน อาลีบาบาก็ยังไม่ทอดทิ้งผู้บริโภคที่มีศักยภาพต่ำ อย่างเช่นกลุ่มชาวนา ซึ่งมองว่าการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซนั้นยังไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
เถาเป่าได้อัพเกรด Senior mode ในแอปบนมือถือ เพื่อรองรับ 11.11 นี้
11.11 ปีนี้ อาลีบาบาจึงมาพร้อมกับโครงการริเริ่มมากมาย ซึ่งแสดงออกถึงความใส่ใจต่อกลุ่มชุมชนที่มีศักยภาพต่ำกว่า:
ตั้งแต่ก่อนเริ่มมหกรรม 11.11 เถาเป่า ได้อัพเกรดฟีเจอร์ใน ‘Senior Mode’ หรือ โหมดผู้สูงอายุ เพิ่มเติมจากเมื่อปีก่อน ที่ทางแอปได้เพิ่มฟีเจอร์ขยายขนาดข้อความและไอคอนโหมดการนำทางที่เข้าใจง่ายขึ้น และเทคโนโลยีสั่งการด้วยเสียง โดยการอัพเกรด Senior mode ครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าที่คอยให้การดูแลผู้สูงอายุได้สะดวกขึ้น พร้อมเพิ่มฟังก์ชั่นการซื้อสินค้าประเภทของชำและกลุ่มยาและเวชภัณฑ์เข้าไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาโดยเภสัชกร ฟรี ด้วย
ฝั่งทีมอลล์ ปีนี้ ได้ร่วมกับสมาคมที่เกี่ยวกับการศึกษาและการดูแลผู้สูงอายุของจีน และผู้ประกอบการอีก 20 แบรนด์ จัดทำโครงการ ‘Yellow Handrail’ หรือ ‘โครงการราวจับสีเหลือง’ ที่ได้ติดตั้งราวจับภาย ในบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุในระหว่างเดินเหิน โดยนับตั้งแต่เริ่มโครงการ บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งราวจับในบ้านไปแล้วทั้งสิ้น 45,000 หลังคาเรือน ครอบคลุม 226 เมือง และไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ทีมอลล์ โกลบอล แพลตฟอร์มลูกของทีมอลล์ที่เน้นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก็ได้ร่วมมือกับ 19 ผู้ประกอบการด้านเฮลธ์แคร์ ในการจัดทำคู่มือรายละเอียดผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกระดาษและแบบดิจิทัล ที่ได้แปลคำอธิบายรายละเอียดภาษาต่างประเทศให้เป็นภาษาจีน เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถอ่านทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
“One More Agricultural Product” แคมเปญใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วง 11.11 ปีนี้ เพื่อกระตุ้นให้ช่องไลฟ์สตรีมต่างๆ บน เถาเป่า ไลฟ์ (Taobao Live) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของอาลีบาบา นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างน้อย 1 รายการในระหว่างการไลฟ์แต่ละเซสชั่นของตน งานนี้ มีเซสชั่นไลฟ์สตรีมนับหมื่นครั้งบนแพลตฟอร์ม นำเสนอผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากเกษตรกร และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าถึงฐานลูกค้ารายใหม่ โดยนับตั้งแต่มหกรรม 11.11 ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม จนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน มีผู้ใช้ 16.64 ล้านคน ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจำนวน 35.49 ล้านรายการบน Taobao Live
แคมเปญใหม่ของ 11.11 ปีนี้ กระตุ้นให้ช่องไลฟ์สตรีมมิ่งต่างๆ เสนอขายสิ้นค้าจากภาคการเกษตร