เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ทรานสฟอร์มธุรกิจสุขภาพสู่ Digital Healthcare Provider เต็มรูปแบบ ดึงจุดแข็งจากทุกแพลตฟอร์ม พัฒนาระบบการบริการด้านสุขภาพ ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวก รวดเร็ว ไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาผสานกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล พลิกโฉมภาพลักษณ์ของการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้ก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายการตลาดเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า
“ในช่วงตลอดระยะเวลาที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองในช่วงโควิดอย่างจริงจัง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพทำได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ประชาชนให้ความสำคัญกับสินค้าด้านสุขภาพมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ต่างต้องเร่งปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีดิจิทัลนับว่าเข้ามามีบทบาทและเป็นปัจจัยหลักในการช่วยสนับสนุนต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งในส่วนของเครือโรงพยาบาล พญาไท-เปาโล เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Digital Healthcare และนวัตกรรมใหม่ๆ จึงมุ่งพัฒนาสินค้าและบริการเดินหน้าเข้าสู่ Digital Healthcare Provider อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ต่อทุกความต้องการ ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกกลุ่มผู้บริโภคให้มีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ จากผลสำรวจเรื่องเทรนด์สุขภาพล่าสุดพบว่า กลุ่ม Gen Y หรือกลุ่มมิลเลนเนียลวัย 22 - 40 ปี และกลุ่มอายุช่วง 40 - 49 ปี จะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะอายุมากขึ้นยิ่งต้องดูแลตัวเอง หากสุขภาพไม่ดีอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามมาส่งผลต่อสุขภาพจิตทำให้ทุกอย่างแย่ไปด้วย เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล จึงได้นำ Digital Engagement Model เข้ามาปรับใช้ในสินค้าและบริการ เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค องค์กรให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูล (Data) ซึ่งเป็นหัวใจหลัก ในการทำ ‘Hyper Personalization’ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลต่างๆ มาประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตรงกลุ่มเป้าหมาย เป็นประโยชน์กับลูกค้ามากที่สุด
นอกจากนี้ ข้อมูลด้านการรักษาของผู้เข้าใช้บริการ โรงพยาบาลฯ คำนึงถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA เป็นสำคัญ เรามีทีมทำ Futuristic Data ที่สามารถนำข้อมูลเชิงบุคคลมาช่วยวิเคราะห์ วางแผนโปรแกรมการดูแลรักษาแบบ Human Touch Service มุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) ลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยทำให้เสียค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งได้ข้อมูลมากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าใช้บริการ ที่จะได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค สามารถออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลได้ เช่น โปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Check เป็นต้น”
นอกจากนี้ เครือโรงพยาบาลฯ ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพให้กับกลุ่มคนทำงานในระดับองค์กรต่างๆ เช่น โครงการ Let’s Get Healthy ที่นอกจากให้บริการตรวจสุขภาพให้กับพนักงานแล้วยังมีการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ความจำ การนอน การรับประทานอาหาร ฯลฯ มาวิเคราะห์ประเมินถึงภาวะสุขภาพของพนักงานและช่วยออกแบบโปรแกรมสุขภาพที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล ถือเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพให้พนักงานในองค์กรให้มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการดูแลสุขภาพพนักงานได้อย่างคุ้มค่า และแม้ว่าเครือโรงพยาบาลฯ จะขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่ระบบดิจิทัลด้วยการนำหุ่นยนต์ AI แอปพลิเคชันเข้ามาใช้ หากยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบการให้บริการโดยคำนึงถึงเรื่อง Human Touch เป็นหลัก เพราะเชื่อว่า ธุรกิจการให้บริการทางด้านสุขภาพของมนุษย์ต้องเริ่มจากมนุษย์ การออกแบบเส้นทางสุขภาพที่ดีให้กับผู้รับบริการ (Health Journey) ต้องเริ่มจากความเข้าใจของมนุษย์ต่อมนุษย์ คือ บุคลากรทางการแพทย์ทั้ง หน้างานและเบื้องหลังที่เข้าใจและตั้งใจที่จะออกแบบการให้บริการสุขภาพที่ดีนั้นส่งต่อไปยังคนไข้ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ โดยมีเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนให้เข้าถึงและสะดวกเพิ่มมากขึ้น
ศุภกร กล่าวต่อไปว่า “เรายังสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านการใช้ Digital Health Solution Service เช่น ข้อมูลสุขภาพบน Health Content Library ของเครือโรงพยาบาลฯ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มปัญหาสุขภาพตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ที่นับว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพของคนไทย ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลการดูแลสุขภาพได้ง่ายและบ่อยขึ้น และจากข้อมูลคลังสุขภาพออนไลน์ของเครือโรงพยาบาลฯ พบว่าสถิติของผู้เข้าอ่านบทความมีจำนวนมากถึง 100 ล้านครั้งต่อเดือน นั่นแสดงให้เห็นว่าคนไทยใส่ใจในสุขภาพเป็นอย่างมาก”
พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการ ศูนย์พรีเมี่ยมไลฟ์ โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเครือโรงพยาบาลฯ ว่า
“ด้านการบริการเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ได้ปรับตัวกันเป็นอย่างมาก จากในอดีตที่แพทย์จะเน้นเรื่องการรักษา แต่ปัจจุบันเราให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกัน (Preventive Care) เปลี่ยนจากหมอผู้รักษาคนป่วยเป็น Health Coach ที่จะคอยให้คำแนะนำ และติดตามดูแลใกล้ชิดจนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ได้แก่
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการออกแบบโปรแกรมสุขภาพเพื่อให้ปลายทางไปสู่ความสำเร็จ ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนนั้น สิ่งสำคัญอีกประการคือ การมีส่วนร่วมของผู้ป่วยในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมาพบแพทย์สม่ำเสมอ การดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ หรือตามโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น และนี่คือวิถีใหม่ในการดูแลสุขภาพร่วมกันในยุคดิจิทัล”
ขณะเดียวกัน นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล กล่าวว่า
“เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลให้ความสำคัญกับ Digital Healthcare เป็นอย่างมาก หลังจากที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเน้นส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม ควบคู่ไปกับการลงทุนพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อนำ Digital Healthcare มาพัฒนาระบบการให้บริการแก่ผู้รับบริการได้อย่างไร้รอยต่อ ผ่านบริการต่างๆ อาทิ Telecare บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบ Real-Time Video Call บริการเจาะเลือดที่บ้าน บริการจัดส่งยา ช่วยให้เข้าถึงบริการได้จากทุกที่ ง่าย สะดวก ประหยัดเวลา ไม่ต้องมาโรงพยาบาล ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังได้รับการดูแลเหมือนมารับบริการที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยังมี ‘Health Up’ แอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพ สามารถเข้าไปดูผลตรวจสุขภาพ ความรู้ด้านสุขภาพ การนัดหมายแพทย์ ตลอดจนซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพได้ด้วย ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดใช้งานมากกว่า 2.65 แสนราย และมีผู้ใช้บริการทำนัดหมายพบแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันแล้วประมาณ 5.7 หมื่นครั้งในรอบระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาดูแลลูกค้าระบบประกันสุขภาพ (ประกันสังคม) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 6 แสนคนอีกด้วย”
นพ.ยงยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีแผนที่จะขยายบริการดังกล่าวต่อไปในโรงพยาบาลเครือข่ายของกลุ่ม BDMS ด้วยกัน เพื่อนำ Model เหล่านี้ไปขยายต่อ อาทิ รพ.กรุงเทพ สนามจันทร์, รพ.กรุงเทพ ดีบุก เพื่อให้คนในชุมชนได้รับบริการด้านสุขภาพที่สะดวกสบายมากขึ้น และสร้างสุขภาพที่ดีในภาพรวมได้เช่นกัน”
#PHYATHAI #PAOLO #TheNewEraOfDigitalHealth