GoPro กลับสู่ตัวตนความเท่อีกครั้ง
08 Nov 2017

 

          นับเป็นเส้นทางที่ยาวไกลของ ‘เมนทาแกรม’ ที่ใช้เวลากว่า 10 ปีในการปลุกปั้นแบรนด์ ‘โกโปร’ (GoPro) ให้กลายเป็นที่รู้จักในเมืองไทย จนถึงวันนี้โกโปรได้ทะยานขึ้นสู่ผู้นำตลาดกล้อง Action Camera ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% จากตลาดรวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท


          ในต่างประเทศโกโปรถือเป็นแบรนด์ Action Camera ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมแนวแอดเวนเจอร์ เนื่องจากมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด สามารถใช้ยึดติดกับร่างกายเพื่อบันทึกวีดีโอในมุมมองที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร 


          แต่สำหรับในเมืองไทยต้องยอมรับว่ายังไม่มีกลุ่มคนเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมมากขนาดนั้น ทำให้เมนทาแกรมต้องหันไปหาผู้บริโภคกลุ่มไลฟ์สไตล์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก พร้อมเน้นการทำตลาดที่สื่อสารว่าโกโปรไม่จำเป็นจะต้องใช้ตอนเล่นกีฬาเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปถ่ายวีดีโอในกิจกรรมอื่นๆ ได้เช่นกัน 

 


          ณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องโกโปรรายเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า “แม้จุดยืนของโกโปรคือกล้อง Action Camera ที่ทำมาเพื่อคนที่เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม แต่พอเราทำตลาดมาเรื่อยๆ ก็พบว่าคนเราก็ไม่ได้เล่นกีฬาอย่างเดียว แต่ยังมีไลฟ์สไตล์ในรูปแบบอื่นด้วย ซึ่งก็สามารถนำโกโปรไปใช้งานได้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราจึงเน้นการทำตลาดเพื่อสื่อสารว่าโกโปรเหมาะสำหรับทุกคน ไม่ใช่กล้องเฉพาะทาง โดยเฉพาะในตลาดท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทำให้คนรู้จักโกโปรมากขึ้น”


          ขณะที่ในระดับโกบอลเองก็ได้มีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในทิศทางเดียวกัน จากที่เคยใช้ Tagling ว่า GoPro Be a HERO ก็ลดเหลือเพียงคำว่า GoPro เพื่อสื่อว่าไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่ก็ใช้โกโปรได้ พร้อมการสื่อสารที่เน้นไปในกลุ่มไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น ท่องเที่ยว ดนตรี สัตว์เลี้ยง ครอบครัว


          “แต่หลังจากที่เราทำตลาดไลฟ์สไตล์มานาน เราก็อยากจะกลับไปที่ตลาดเฉพาะทางมากขึ้น เพื่อให้ภาพลักษณ์ของโกโปรกลับมาเท่เหมือนเดิม เราไม่อยากให้คนมองว่าโกโปรเป็นกล้องที่หน่อมแน้มน่าเบื่อ เราอยากเป็นแบรนด์ที่ดูคูล ซึ่งหลังจากนี้เราก็มีแผนที่จะทำตลาดร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยู, มินิคูเปอร์, ดูคาติ, ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน รวมถึงการเข้าไปสนับสนุนกีฬาจักรยานและการแข่งขัน Moto GP” ณัฐพลกล่าว


          แม้ในตลาด Action Camera ระดับราคา 10,000 บาทขึ้นไปจะเป็นตลาดที่เล็กมากและมีคู่แค่เพียงไม่กี่ราย แต่ปัญหาใหญ่ของโกโปรคือการที่ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยซื้อไปแล้วใช้งานไม่เป็น


          “ต้องยอมรับว่าโกโปรไม่ใช่กล้องที่ใช้ง่าย ถ่ายแล้วนำไฟล์ไปใช้ต่อยาก ต้องตัดต่อในคอมพิวเตอร์ เราจึงได้จับมือกับเจมาร์ทเพื่อเปิด Training Center สาขาแรกที่สยามพารากอน สำหรับแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การนำไปตัดต่อ รวมถึงการใช้งานแอปพลิเคชัน ซึ่งในปีหน้าเราตั้งเป้าจะขยายเป็น 4 สาขา”


         ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลยุทธ์การทำตลาดของโกโปรทั่วโลก คือการกำหนดราคาขายให้มี ‘ราคาเดียว’ เพื่อหลักเลี่ยงการแข่งขันในด้านราคา แต่อย่างไรก็ตามในเมืองไทยยังมีร้านค้าออนไลน์จำนวนหนึ่งใช้วิธีการตัดราคาสินค้าให้สามารถขายได้ราคาถูกขึ้น เพื่อสร้างยอดขาย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เมนทาแกรมต้องจัดการอย่างเร่งด่วน

 

          "ก่อนนี้เราได้มีการควบคุมและล่อซื้ออย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เพราะการตัดราคาแบบนี้ไม่ส่งผลดีกับใครเลย อีกทั้งยังเป็นการทำลายตลาด ทำลายคู่ค้าของเรา ซึ่งแนวทางแก้ไขของเราคือ หากตรวจพบก็จะตัดสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายไปเลย" 

 

 

          สำหรับในครึ่งปีหลัง เมนทาแกรมได้เปิดตัวกล้อง GoPro HERO6 Black เข้ามาเสริมทัพกล้อง 2 รุ่นหลักที่ทำตลาดในปัจจุบัน คือ GoPro HERO 5 และ GoPro HERO 5 Session โดยวางจำหน่ายในราคา 18,500 บาท เพื่อจับกลุ่มผู้ใช้ในระดับโปรเฟสชันนอล โดยมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่าเดิม อาทิ การถ่ายวีดีโอ 4k60 และ 1080p240, ระบบลดการสั่นไหว, ระบบซูมจากหน้าจอสัมผัส, ถ่ายได้ทั้งไฟล์ RAW และ HDR, ถ่ายได้คมชัดในที่แสงน้อย, ดึงข้อมูลได้เร็วขึ้น 3 เท่า รวมถึงการอัพโหลดไฟล์ไปยังระบบคลาวด์ GoPro Plus อัตโนมัติ


          ทั้งนี้ ในปี 2559 โกโปรมียอดขายอยู่ที่ 650 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนยอดขายกว่า 80% ของรายได้บริษัท พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 800 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย GoPro HERO6 Black ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 10,000 เครื่อง

[อ่าน 2,046]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจาะ 5 ไฮไลต์ Central Park Offices ต้นแบบโมเดลออฟฟิศ NEXT GEN ที่ครบทั้ง “ดีไซน์–เทคโนโลยี–ความยั่งยืน” จุ
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ฉลองครบรอบ 40 ปี ตอกย้ำผู้นำการพัฒนาบ้านสไตล์ French Colonial รายแรกในไทย
แอสเซทไวส์ ยกขบวนคอนโดพร้อมอยู่ จัดแคมเปญ “AssetWise ใจใหญ่ ให้เต็มแม๊กซ์”
“ช้าง โคลด์ บรูว์ คูล คลับ” ปิดสนามราชพฤกษ์คลับ จัดนัดชิง Chang Club Championship 2025
finbiz by ttb แนะเปิดประตูโอกาสธุรกิจ ด้วยพลังของ Generative AI
จุฬาฯ และ UR ร่วมกันจัดฟอรั่มที่กรุงเทพฯ ก้าวแรกของความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาเมืองในประเทศไทย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved