เอสซีจี เดินหน้า ‘เลิกแล้ง - เลิกจน’ ลดเหลื่อมล้ำ ส่งต่อโอกาสสู่กลุ่มเปราะบาง ‘ปลดหนี้ - มีอาชีพ’
31 Mar 2023

เอสซีจี ชูความรู้คู่คุณธรรม หนุนสร้างพลังชุมชน ‘เลิกแล้ง-เลิกจน’ พลิกชีวิตเปลี่ยนชุมชน ‘เลิกแล้ง’ มีน้ำกิน น้ำใช้และทำเกษตรได้ตลอดปี ด้วยผลงานสร้างฝายพลิกชีวิตแล้ว 1.5 แสนฝาย ‘เลิกจน’ ปลดหนี้ มีอาชีพ รายได้เฉลี่ยเพิ่ม 5 เท่าจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า

 

พร้อมส่งต่อโอกาสให้กลุ่มเปราะบาง ให้เห็นคุณค่าตัวเองและสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ตั้งเป้าสร้างอาชีพขยายผล 500 ชุมชนกว่า 2 แสนคนใน 37 จังหวัด

 

ล่าสุด เอสซีจี ลงพื้นที่เยี่ยมชมผลงานโครงการลำปาง ลำพูน พลิกพื้นที่แล้งให้ทำเกษตรได้ทั้งปี จากวิสัยทัศน์ของปราชญ์ชาวบ้านอย่าง ‘ผู้ใหญ่คง’ ส่งผลให้ลูกบ้านปลดหนี้ ‘มีรายได้รายวันยันโบนัสสิ้นปี’

 

และ ‘พลังแม่’ อย่าง ‘ครูอ้อ - แม่หนิง’ ผู้สู้ชีวิตจากงานที่ตนเองรัก จนฟูมฟักปักหมุด ส่งต่อโอกาสให้กลุ่มเปราะบางสามารถปลดหนี้ มีอาชีพไปด้วย

 

 

‘เลิกแล้ง - เลิกจน’ ลดเหลื่อมล้ำ

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ วีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการ สำนักงาน Enterprise Brand Management Office เอสซีจี ที่ระบุว่า

“ความมุ่งมั่นของเอสซีจี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสังคม ด้วยการส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตนเอง ‘มีความรู้คู่คุณธรรม’ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรนับแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน

 

ภายใต้ ‘โครงการรักษ์น้ำ จากภูผา สู่มหานที’ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยได้สร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต้นน้ำแล้ว 1.15 แสนฝาย

 

สร้างสระพวงเชิงเขาในพื้นที่กลางน้ำ ต่อยอดนำน้ำจากฝายชะลอน้ำมาใช้ทำการเกษตร 23 สระและพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำด้วยระบบแก้มลิง 18 พื้นที่ จนถึงพื้นที่ปลายน้ำเพื่อคืนระบบนิเวศที่ดีสู่ท้องทะเลไทย

 

ทั้งนี้ จากการสร้างฝายและสระพวงทำให้ชุมชนมีน้ำกิน-ใช้และเพื่อการเกษตร มีผลผลิตตลอดทั้งปี และสามารถต่อยอดไปสู่ ‘โครงการพลังชุมชน’ อบรมสร้างอาชีพ แปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และปัจจุบันขยายผลไป 500 ชุมชน กว่า 2 แสนคนใน 37 จังหวัด ทำให้มีรายได้มั่นคง อาชีพยั่งยืน อีกทั้งยังแบ่งปันองค์ความรู้ และเป็นต้นแบบส่งต่อแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่นๆ เกิดเป็น ‘เครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง’ ต่อๆ ไปในอนาคตอีกด้วย”

 

 

‘ผู้ใหญ่คง’ ปราชญ์ชาวบ้าน
สร้าง Money Machine รายวันยันโบนัสสิ้นปี

จากการออกเยี่ยมชุมชนบ้านสาแพะ จ.ลำปางในยามที่แล้งที่สุดของปี ทำให้ชาวคณะกลับเห็น ‘สระพวง’ ของชุมชนที่มีน้ำขังในสระที่กรุด้วยผ้าพลาสติก เพื่อเก็บกักน้ำไว้ มิให้ไหลซึมลงสู่ผืนดิน และพืชผลการเกษตรที่สวยงาม ไร้สารพิษ

 

ซึ่งความเป็นอยู่ของชุมชนนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หาก ปราชญ์ชาวบ้านอย่าง ‘ผู้ใหญ่คง’ บุญโชติ กลิ่นฟุ้ง ผู้นำชุมชนบ้านสาแพะ ไม่เปิดใจรับแนวคิดการสร้างฝายและแนวคิดบริหารจัดการน้ำแต่แรก

 

ด้วยว่า ในการเข้าเยี่ยมชุมชนของเอสซีจีนั้นมาพร้อมกับการสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อเปิดใจคนในชุมชนให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและเห็นความสำคัญของการร่วมกันดำเนินโครงการ มิใช่การใช้เม็ดเงินนำหน้าโครงการ

 

 

“ก่อนหน้านั้นชุมชนของเราแห้งแล้ง ตัดไม้ทำลายป่า เผาป่าจึงทำให้เกิดความแห้งแล้ง และต้องเข้าไปทำงานในเมืองช่วงหน้าแล้ง

 

ดังนั้น เมื่อเอสซีจีชวนแก้ปัญหาเรื่องน้ำแล้ง-น้ำหลาก ด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำ และบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น การทำแก้มลิง สระพวง และระบบกระจายน้ำเข้าไร่นา เราก็ร่วมมือเต็มที่ทำฝายกว่า 2,000 แห่งใช้คนกว่า 2,000 คน เรา ‘ใช้แรง - ใช้ใจ’ สามัคคี เสียสละที่ดินของตนเอง ค่าแรงฟรี

 

ผมเป็นผู้ใหญ่ปี 2555 ร่วมงานกับเอสซีจี ปี 2556 แต่ 3 ปีหลังจากนั้นก็เห็นผลลัพธ์และรอดได้จากความแล้ง

 

ปัจจุบันเราสามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี ทำ ‘เกษตรปราณีต’ เพาะเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยสร้างรายได้เฉลี่ยเพิ่ม 4-5 เท่า ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยปีละ 20 ล้านบาท จากเกษตรกรที่เข้าร่วม 60-70 ครอบครัว เนื่องจากสามารถทำการเกษตรได้ปีละ 6 รอบ”   

 

 

KPI แห่งความสำเร็จของ ‘ผู้ใหญ่คง’ เห็นได้ง่ายๆ จากเสียงลูกบ้านคนหนึ่งที่บอกว่า

 

“ตื่นตีสามมาผสมพันธุ์ แล้วกลับไปนอน”

 

เรียกเสียงฮาครืน นั่นหมายถึงภารกิจของชาวบ้านทำ ‘เกษตรปราณีต’ ด้วยการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปผสมพันธุ์พันธุ์พืชของตนเอง จากนั้นก็กลับไปนอนต่อสักเล็กน้อย

 

และพืชผลการเกษตรของที่นี่สามารถสร้างรายได้ดุจ Money Machine ดังที่ ‘ผู้ใหญ่คง’ บอกอย่างภูมิใจมากๆว่า

 

“น้ำที่มีตลอดปีทำให้คนที่นี่มีรายได้ ‘รายวันถึงโบนัสสิ้นปี’ เลย นั่นคือ

 

รายได้ ‘รายวัน’ จากการขายพืชผักสวนครัว

 

ส่วน ‘รายเดือน’ คือ รายได้จากการขายเมล็ดพันธุ์ที่ต้องตื่นกันแต่เช้ามืดนั่นละ

 

โดยเมล็ดแตงโมราคา 6,000 บาท/กก. มะระ 1,500 บาท/กก. ฟักทอง 1,200 บาท/กก. บวบ 900 บาท/กก. ฯลฯ ส่วนโบนัสสิ้นปีก็มาจากการขายมะม่วงโชคอนันต์ที่ปลูกได้ถึงปีละ 3 ครั้ง”

 

เปลี่ยน Mindset - ส่งต่อโอกาส

ในการ ‘สร้างและส่งต่อ’ โอกาสไปยัง ‘ชุมชน’ นั้น ดร.พีระพงษ์ กลิ่นละออ ผู้บริหารหลักสูตรโครงการพลังชุมชน เอสซีจี’ กล่าวว่า

“เราต้องเปลี่ยน Mindset ของชุมชน ด้วยการให้ความรู้ใน 3 ส่วน นั่นคือ การให้ ‘ความรู้ติดตัว’ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้, การให้ ‘ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง’ และการให้ ‘ความรู้ทั่วไป’

 

และเน้นให้มองที่ความต้องการของตลาดก่อน ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ก็สร้างทักษะใหม่ๆ ซึ่งความรู้ทั้ง 3 ส่วนนี้จะทำให้สามารถย่นระยะเวลาของการพัฒนาได้

 

นอกจากนี้ การเติมความรู้ให้กับชุมชนนั้นยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มได้ทั้งห่วงโซ่คุณค่า นับแต่การผลิต การแปรรูป จนถึงการทำตลาด สิ่งที่เราให้ความรู้นี้เหมือนเป็น MBA ระดับชาวบ้านที่เข้าใจง่ายๆ

 

โดยเฉพาะความรู้ทางด้านการบริหารจัดการ การคิดต้นทุน หลักการคิวซี, ไคเซน (การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง) ต้องมี สุจิปุลิ (ฟัง-คิด- -ถาม-เขียน) ต้องมี ‘Deep Listening ฟังด้วยตาและหัวใจ’ เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง”

 

พลังแม่ Passion > Push Power

‘ครูอ้อ’ อำพร วงค์ษา แห่ง ศูนย์หัตถกรรมบ้านงานฝีมือผาหนาม จ.ลำพูน และ ‘แม่หนิง’ เกศรินทร์ กลิ่นฟุ้ง เจ้าของขนมแบรนด์ แม่หนิงภูดอย จ.ลำปาง ถือเป็นสองหญิงแกร่งที่นำ ‘พลังแม่’ กลั่นเป็นแรงขับเพื่อเดินไปข้างหน้า ด้วยPassion ที่มีจนถึงการส่งต่อ Push Power ถึงกลุ่มเปราะบางในชุมชน

 

ด้วย ‘อุบัติเหตุในชีวิต’ ของทั้งคู่ทำให้เธอทั้งสองต้องกลายเป็นผู้นำครอบครัวอย่างไม่ตั้งใจ แต่ด้วย ‘พลังแม่’ บวกกับสิ่งที่พวกเธอได้รับได้จากโครงการพลังชุมชนนั้น คือ จุดเชื่อมที่มีส่วนพลิกชีวิตและทำให้เธอกลายเป็นพลังสำคัญที่ทำหน้าที่ส่งต่อโอกาสให้กับกลุ่มเปราะบางได้

 

 

ดังที่ ‘ครูอ้อ’ กล่าวว่า

“โครงการพลังชุมชนของเอสซีจีสอนให้เห็นคุณค่าในตัวเอง และยังได้แบ่งปันความรู้ให้คนในชุมชนที่ว่างงานและกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงวัยอีก 60 คนให้ทำงานฝีมือให้มีรายได้ มีงานทำ พึ่งพาตัวเอง

 

และก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้สร้างอาชีพ เพื่อสร้างงานให้คนในชุมชน ถึงวันนี้ ต้องบอกว่า ตัวเองไม่ใช่ครูสอนปักผ้าแล้ว แต่เป็นผู้บริหารจัดการแรงงานและงานนี้ทำให้เรามีความสุขกับการพัฒนาศักยภาพของผู้คนรอบๆ ตัวเรา”

 

 

ทั้งนี้ ตัวอย่างจากกลุ่มเปราะบางที่ครูอ้อภูมิใจมาก คือ ‘พี่ทิว คำเวียง’ ชายพิการผู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตาผู้สร้างสรรค์งานปักผ้าของตนเอง จนสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองได้ จากจุดเริ่มที่ไม่เคยจับเข็มกับด้ายมาก่อนด้วยซ้ำ

 

ขณะที่ แม่หนิง บอกว่า “สิ่งที่ได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้ คือ การสร้างจุดขายด้วยการปรับคุ้กกี้ตัวหนอนไส้สับปะรดที่มีขายทั่วไปให้กลายเป็นรูปไก่ สัญลักษณ์จ.ลำปาง และปรับบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับการซื้อเป็นของขวัญของฝาก

 

ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน อย. พร้อมทั้งเรียนรู้เทคนิคการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ ส่งต่อการจ้างงานให้กลุ่มเยาวชน ผู้สูงวัยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ร่วมกัน”

 

 

‘แม่หลวงเล็ก’ วริษา จิตใหญ่ เจ้าของข้าวกล้องแบรนด์ ‘หอมละหนา’ ที่มีโครงการพลังชุมชนเข้าช่วยเหลือทำให้โรงสีข้าวเดินหน้าได้ตามความตั้งใจ และยังได้เข้าร่วมโครงการปันโอกาสวาดอนาคตของเอสซีจี

 

เปิดโอกาสในการเรียนรู้และได้รับการพัฒนาทักษะหลายๆ ด้าน รวมทั้งมีเครือข่ายชุมชน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้เรากล้าที่จะขายสินค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น สมาชิกในกลุ่มมีรายได้เพิ่มขึ้น

 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของผู้นำพลังชุมชนที่เกิดขึ้นเพียงบางส่วนเท่านั้น

 

ทั้งนี้ วีนัส กล่าวว่า “หากชุมชนลุกขึ้นมาพึ่งพาตนเอง ใช้ความรู้คู่คุณธรรม มีความรักสามัคคี และบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับพื้นที่

 

ขณะเดียวกัน ยังต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ทำให้มีรายได้ อาชีพมั่นคง เกิดเป็นเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง ก็จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำสังคมได้อย่างยั่งยืน”

[อ่าน 1,456]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“จระเข้” จับมือ สอศ. ยกระดับทักษะช่างก่อสร้าง ปั้นแรงงานคุณภาพสู่ตลาดอย่างยั่งยืน
Baby Grand Fair by Pacific Point รวมของดีแม่ลูกสายพรีเมียม ที่พ่อแม่ยุคใหม่ต้องมา!
กทพ. เบี่ยงจราจรชั่วคราวบนทางด่วนกาญจนาภิเษก 14–16 มิ.ย. นี้ ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 4
หัวเว่ย จับมือ WAA เปิดตัวสมุดปกขาว “Smart Campus Wi-Fi CSI Sensing”
เคทีซีเสิร์ฟหวาน ฮีลใจกับเบเกอรี่พรีเมี่ยมจาก 22 โรงแรมชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ
ททท. เสิร์ฟโปรโมชันและสิทธิพิเศษแบบ Grand Privilege กับโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved