รายงานข่าวจาก AP ระบุว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประกาศว่าจะจัดส่งดีวีดีแผ่นสุดท้ายในวันที่ 29 กันยายน นี้ ซึ่งจะเป็นจุดสิ้นสุดของซองจดหมายสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ที่ปูทางจากร้านเช่าวิดีโอภาพยนตร์ ไปสู่ยุคของการสตรีมมิ่งแบบเต็มตัว

กระนั้น การสิ้นสุดของบริการ DVD-by-mail มีมานานแล้ว เพราะเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้วที่ Netflix เปิดตัววิดีโอสตรีมมิ่ง และเกือบ 12 ปีแล้ว ที่บริษัทฯ แยกธุรกิจดีวีดีออกจากบริการสตรีมมิ่ง ในตอนนั้นการให้บริการสตรีมมิ่งยังคงใช้ชื่อ Netflix ต่อไป ในขณะที่ธุรกิจดีวีดีเปลี่ยนชื่อเป็น Qwikster

“ดีวีดีทางไปรษณีย์อาจไม่คงอยู่ตลอดไป แต่เราต้องการให้คงอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” รี้ด เฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Netflix และซีอีโอในขณะนั้นกล่าว

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Netflix คือ การที่เราจะไม่ก้าวกระโดดจากความสำเร็จในดีวีดีไปสู่ความสำเร็จในบริการสตรีมมิ่ง บริษัทส่วนใหญ่ที่เก่งในบางอย่างจะไม่เก่งในสิ่งใหม่ๆ ที่ผู้คนต้องการเพราะพวกเขากลัวที่จะทำร้ายธุรกิจเริ่มต้นของพวกเขา

ในที่สุดบริษัทเหล่านี้ก็ตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตนที่ไม่ได้โฟกัสที่สิ่งใหม่มากพอ จากนั้นบริษัทก็ต่อสู้อย่างสิ้นหวังและหมดหวังที่จะฟื้นตัว นั่นหมายความว่า บริษัทมักไม่ค่อยตายจากการเคลื่อนไหวเร็วเกินไป แต่มักจะตายจากการเคลื่อนไหวช้าเกินไปต่างหาก”

โดนในขณะที่การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Netflix ในบริการสตรีมนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนั้นว่า จะไปได้ไกลแค่ไหน คำตอบในปัจจุบันคือ "หายห่วง" เพราะย้อนกลับไปในปี 2554 พบว่า รายได้ของ Netflix จากบริการดีวีดีและสตรีมมิ่งรวมกันอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น แต่เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯ ทำเงินได้มากถึง 31.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริการสตรีมมิ่งเพียงอย่างเดียว

โดยธุรกิจดีวีดีทำรายได้ให้ Netflix ไม่ถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.5% เท่านั้น

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม Netlflix มีสมาชิกที่บอกรับบริการสตรีมมิ่งวดีโอ 232.5 ล้านรายทั่วโลก แต่หยุดเปิดเผยจำนวนผู้ที่ยังคงจ่ายค่าส่งดีวีดีทางไปรษณีย์เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากส่วนหนึ่งของธุรกิจดังกล่าวหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง