พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อมพบว่า มีการบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้จากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลก คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง 9% ต่อปี คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกของกาแฟในประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยโอกาสเติบโตอีกมาก
 

ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา กาแฟพันธุ์ไทย สามารถทำยอดขายได้กว่า 350 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 70% และเติบโตจากสาขาเดิม 35% ประกอบกับภาพรวมของตลาดกาแฟในปัจจุบันที่เติบโตเป็นอย่างมาก 

พิทักษ์ รัชกิจประการ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันร้านกาแฟพันธุ์ไทยเปิดให้บริการกว่า 600 สาขา มีสัดส่วนของสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 60% และสาขานอกสถานีบริการน้ำมันอีก 40% ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 800 สาขา เป็น 1,500 สาขาทั่วประเทศ โดยบริษัทจะนำเสนอทำเลให้ผู้สมัครแฟรนไชส์พิจารณาตามความเหมาะสมซึ่งพื้นที่ 60-70% อยู่ในตัวเมือง
 

ทั้งนี้กลยุทธ์ที่บริษัทใช้ผลักดันการขยายสาขาเฟรนไชส์คือ 1.เปิดสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย เข้าถึงได้ง่ายและเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ โดยเน้นการขยายสาขาใจกลางเมืองในย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองตามจังหวัดต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน โดยเฟรนไชส์มี 5 รูปแบบ ได้แก่ ฟู้ดทรัค ,ไดร์ฟทรู ,สแตนอโลน ,ช้อปเฮ้าส์และบิวท์อิน โดยสามารถลงทุนเฟรนไชส์เริ่มต้น 1.2-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับแต่ละรูปแบบและพื้นที่ โดยจะคืนทุนที่ 2-3 ปี 
 

2.การนำเสนอสินค้าใหม่จากวัตถุดิบท้องถิ่น ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และหารับประทานได้ยากของไทยมาพัฒนาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มเมนูต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าของทางกาแฟพันธุ์ไทยแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิต สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ชุมชนและเกษตรกรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 3. การเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม non-Beverage ด้วยสินค้ากลุ่มเบเกอรีและขนมอบ ขนมแปรรูปจากชุมชนทั่วประเทศ
 

และ 4.การขยายและรักษาฐานลูกค้าสมาชิก Max Card ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 19 ล้านราย คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถมีสมาชิกถึง 21 ล้านรายทั่วประเทศ โดยสามารถเชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างยอดขายและเพิ่มความถี่ในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป้าหมายหลักในการขยายฐานสมาชิก Max Card Plus หรือบัตรแดง ซึ่งตอนนี้มีจำนวน 200,000 ใบ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่มี Brand Royalty และมีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มทั่วไปมากกว่า 2 เท่า อย่างไรก็ตามมองว่าวันนี้ที่มีการเติบโตเกินเป้าหมาย ส่วนหนึ่งมาจากบัตร Max Card Plus โดยตั้งเป้าหมายปี คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่ม 400,000-500,000 ใบ
 

ส่วนช่วงไตรมาส 3/2566 นี้ บริษัทจะสร้าง Brand Connection ด้วยการรีแบรนด์ใหม่ให้มีความน่าสนใจ ต่อยอดแนวคิด ‘เวลาเป็นไท เวลาพันธุ์ไทย’ พร้อมเพิ่มการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงาน ด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่แตกต่างและตรงกับความต้องการของคนไทย สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม

 

 

เปิดรสชาติใหม่ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ”
 

โดยล่าสุด กาแฟพันธุ์ไทย เดินหน้าสนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทยให้อยู่ดี มีสุข ประกาศความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลักดันวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภค ” ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกที่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการสนับสนุนการศึกษา ส่งเสริมงานวิจัย ตลอดจนพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมต่างๆ พร้อมสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ ภายในเครือ ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการน้ำมันพีที ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท ทั่วประเทศ
 

ทั้งนี้นำร่องด้วยแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ใน 3 เมนู ได้แก่ โพดลาเต้ ที่ส่วนผสมของกาแฟพันธุ์ไทยและนมข้าวโพดไร่สุวรรณ, โพดชาเขียว ส่วนผสมของชาเขียวพันธุ์ไทยและนมข้าวโพดไร่สุวรรณ และโพดโกโก้ ส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ไทยและนมข้าวโพดไร่สุวรรณ และได้จัดกิจกรรมสร้างสีสันด้วยการยกไร่ข้าวโพดมาไว้ใจกลางสยามสแควร์วัน ในงาน “Cornnival - คอร์นนี้ว้าว โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ”

 

 

 

ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯและพีทีจี มีอุดมการณ์บนจุดมุ่งหมายเดียวกันคือต้องการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งกาแฟพันธุ์ไทยเห็นความสำคัญของการสนับสนุนเกษตรกรไทย โดยเลือกใช้วัตถุดิบในประเทศ พร้อมส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรให้กับหน่วยธุรกิจของมหาวิทยาลัยฯ 

รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดี คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้วิจัยคิดค้นพันธุ์ข้าวโพดหวาน ที่มีรสชาติและคุณลักษณะทางการเกษตรที่ดี จนกระทั่งได้พันธุ์ข้าวโพดหวานอินทรี2 ที่มีความหวานจากธรรมชาติโดยเฉลี่ย 14.5 องศาบริกซ์ มีรสชาติหวาน นุ่มและหอม เมื่อมีการนำมาแปรรูปเป็นน้ำนมข้าวโพดจึงมีรสชาติที่หอมหวานไม่เหมือนใคร