“โพล” เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ปรากฏขึ้นคู่กับการแข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาของการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก กรณีประเทศไทยก็เช่นกัน เมื่อใดที่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักโพลและสื่อมวลชนต่างๆ มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลโพลว่าพรรคการเมืองใด ผู้สมัครคนใดได้รับความนิยมจากผลโพลเป็นอันดับที่ 1
ซึ่งในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่มีผลโพลนำเสนอบนสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์จากหลายสำนักจำนวนมาก ผลโพลและตัวเลขที่ปรากฏออกสื่อนั้นมิได้มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน จึงสร้างความสับสน และไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่นำเสนอเหล่านั้นเชื่อถือได้และมีความเที่ยงตรงเพียงใด สามารถเชื่อมั่นในผลโพลของสำนักใดได้บ้าง และผู้รับสารที่เป็นประชาชนจะรู้ได้อย่างไร ที่จะรู้เท่าทันผลโพลที่ปรากฏบนสื่อทั้งหลาย
โพลคือหนึ่งในแบบวิจัยที่เรียกว่าการสำรวจ เป็นชุดคำถามที่ออกแบบสร้างขึ้นเพื่อสอบถามกลุ่มคนที่เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด เพื่อศึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็น ทัศนคติ หรือพฤติกรรม โดยการสำรวจความคิดเห็นสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งแบบออนไลน์ ทางโทรศัพท์ หรือลงภาคสนามด้วยตนเอง และสามารถครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่ประเด็นทางการเมืองจนถึงความต้องการของผู้บริโภคในด้านธุรกิจการตลาด
อย่างไรก็ตาม โพลที่ปรากฏพบเห็นบนสื่อส่วนใหญ่เป็นโพลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง ด้วยเป็นเครื่องมือสำคัญในการเลือกตั้ง ช่วยวัดความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ และผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยในการหาเสียงทางการเมืองมักใช้โพลสำรวจความคิดเห็นเพื่อช่วยระบุประเด็นสำคัญที่มีความสำคัญต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อวัดความนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และเพื่อติดตามประสิทธิภาพของกลยุทธ์การหาเสียง
นอกจากนี้ โพลยังมีความสำคัญในการทำนายผลการเลือกตั้งอีกด้วย การติดตามการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประชาชนเมื่อเวลาผ่านไปยังสามารถประเมินระดับการสนับสนุน สำหรับผู้สมัครแต่ละคนและคาดการณ์ว่าผู้สมัครคนใดมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้ง ข้อมูลผลโพลเหล่านี้สามารถใช้กับแคมเปญทางการเมืองเพื่อปรับกลยุทธ์และกำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงหลักได้
เมื่อโพลเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญดังที่กล่าวมา จึงไม่แปลกใจว่าข้อมูลผลโพลของสำนักต่างๆ ที่จัดทำโพลจึงถูกนำเสนอสู่ประชาชนผู้รับสารมากมายบนสื่อ คำถามที่สำคัญก็คือ แล้วจะมีวิธีการหรือหลักคิดอะไรที่ช่วยให้ประชาชนเมื่อรับข่าวสารโพลทั้งหลายรู้เท่าทันว่าผลโพลที่รับรู้มานั้นเชื่อถือได้ เที่ยงตรง และเป็นกลาง
ซึ่งในกระบวนการวิจัยตามหลักของระเบียบวิธีวิจัยสามารถสังเกตได้ ดังนี้
จากหลักการพิจารณาดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ผู้รับข่าวสารโพลเข้าใจและรู้เท่าทันโพลของทุกสำนักโพลมากขึ้น นอกจากนั้นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักเกี่ยวกับผลโพล คือ การทำโพลสำรวจความคิดเห็นนั้นไม่ได้แม่นยำเสมอไป และอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่านักทำโพลจะใช้หลักวิชาการวิจัยและวิธีทางสถิติเพื่อประเมินระดับความไม่แน่นอนในผลลัพธ์ของตนแล้วก็ตาม
เนื่องจากการทำโพลสำรวจความคิดเห็นเป็นเพียงภาพรวมของความคิดเห็นสาธารณะ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งคาดเดาได้ยาก อาจเปลี่ยนใจหรือได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก โดยความคิดเห็นของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเวลาที่เกิดเหตุการณ์หรือข่าวบางอย่างขึ้นก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หรือคนที่ไม่ตอบโพลมีความต้องการในการลงคะแนนเสียงที่แตกต่างจากผู้ตอบโพลซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์ที่คลาดเคลื่อนเมื่อผลการเลือกตั้งสิ้นสุดลง
ดังเช่นตัวอย่างผลโพลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 เมื่อปี 2559 ระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) กับโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) สำนักโพลและนักวิเคราะห์ทำนายไว้ว่าชัยชนะน่าจะเป็นของนางฮิลลารี แต่ผลลัพธ์กลับเป็นไปอย่างตรงกันข้าม
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลของการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ประกาศออกมา ไม่ว่าจะเป็นจริงตามผลโพลที่เผยแพร่ หรือไม่เป็นจริงตามการแถลงข่าวผลโพลที่สำรวจไว้ของแต่ละสำนักโพล ผู้รับสารที่เป็นประชาชนจะเข้าใจและรับรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้ผลโพลเหล่านั้นมีความเชื่อถือได้ เที่ยงตรง และเป็นกลางของแต่ละสำนักโพลไม่มากก็น้อย