ศิริพร อริยพุทธรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดแคมเปญครั้งนี้เพื่อกระตุ้นคนไทยให้หันมาดูแลสุขภาพ ซึ่งมอบโอกาสในการเข้าใช้ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบ 4,499 บาท โดยเฉพาะวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง (Non Communication Disease) ให้ตื่นตัวเช็คระบบสุขภาพร่างกายประจำปี ตั้งแต่การตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล, วัดระดับไขมัน, ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งถือเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานไปพร้อมกับการสร้างการรับรู้แบรนด์
ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าวเป็นการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเข้ารักการปรึกษาแพทย์ของผู้คนในสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่เทรนด์ใหม่ โดยไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย แล้วค่อยไปรักษาจะเป็นการศึกษาหาความรู้เพื่อดูแลสุขภาพทุกมิติ ทั้งด้านการใช้ชีวิต การกิน การอยู่ การออกกำลังกาย แม้กระทั่งการพักผ่อนในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานในยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ซึ่งประกอบด้วย 4 โรคหลัก คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคมะเร็งปอด, โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจ โดย 90% เกิดจากความเสื่อมชราของร่างกายจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ส่งผลให้มีความต้องการการรักษาการแพทย์แบบเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Personalized Medicine มากขึ้นและจะเริ่มต้นจากการตรวจปัจจัยเสี่ยง
สำหรับแบรนด์คินน์ได้นำจุดแข็งของบริษัทมาสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ด้วยการค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์ของจุลินทรีย์ Bio Longevity โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยประเทศไต้หวัน ในการนำถั่วนัตโตะธรรมชาติมาสกัดที่มีความเข้มข้น 20,000 ไฟบริโนปรินยูนิตต่อกรัมใน 1 แคปซูล ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล, มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ บรรจุอยู่ในแคปซูลมังสวิรัติ ถือเป็นโภชนเภสัชธรรมชาติ 100% ทั้งสารสกัดและแคปซูลบรรจุ นอกจากนี้ยังร่วมการวิจัยกับคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คินน์ เรด ยีสต์ ไรด์ พาวเดอร์ และนัตโตะ เฟอร์เมนต์เต็ด พาวเดอร์ ต่อระดับไขมันในเลือด และการส่งเสริมสุขภาพด้านอื่นๆ
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าจำนวน 4 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพโดยมีฐานลูกค้ากว่า 500,000 คน และมีเป้าหมายระยะยาว 3 ปี จะมียอดขายแตะ 500 ล้านบาท สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสุขภาพเชิงป้องกันได้ 12 % จากปัจจุบันที่ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมธุรกิจในอุตสาหกรรม Health & Wellness ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีก่อนและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 5-10% ในแต่ละปี