แม้จะเป็นผู้นำในตลาดกล้องมิลเลอร์เลสของเมืองไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 34% ในปีที่ผ่านมา แต่ทาง "ฟูจิฟิล์ม" ก็ไม่หยุดที่จะสร้างความคึกคักให้ตลาดกล้อง ด้วยการทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ดึงตัวไอดอลกรุ๊ปที่มาแรงที่สุดในเวลานี้อย่าง "BNK 48" มานั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์กล้องในตระกูล X-A Series รุ่นล่าสุดอย่าง X-A5
การใช้ BNK 48 มาช่วยขายของในครั้งนี้ เรียกได้ว่าตรงทั้งกลุ่มเป้าหมายและตรงกับคาแรกเตอร์ของกล้อง X-A5 ที่ชูความเป็นกล้องตัวเริ่มต้น ที่ใครก็สามารถถ่ายให้สวยได้โดยไม่ต้องเป็นมือโปร แค่เป็นคนธรรมดาๆ ก็สามารถเซลฟี่ ถ่ายรูปอาหาร ถ่ายวิว ถ่ายเพื่อน ให้ออกมาสวยโดนใจได้ ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ พร้อมกับประสิทธิภาพที่ดีของกล้อง ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ APS-C CMOS มีความละเอียดสูง 24.2 ล้านพิกเซล รวมถึงโหมด Portrait Enhancer และระบบออโต้โฟกัสความเร็วสูง ที่จับภาพเคลื่อนไหว รองรับการถ่ายวิดีโอ ระดับ 4K มาพร้อม จอภาพแบบพับได้ 180 องศา ทัชกรีน เชื่อมต่อ Bluetooth อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในบอดี้สวย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
สิทธิเวช เศวตรพัชร์ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "ในปีนี้เรายังคงสานต่อแคมเปญ “Find Your Wonder-side” พบชีวิตอีกด้านที่วันเดอร์ ซึ่งน้องๆ BNK 48 ทั้ง 6 คน ได้แก่ เฌอปราง, ปัญ, โมบาย, มิวสิค, เนย และเจนนิษฐ์ ก็คือคนที่จะมาช่วยเราพูดเรื่องนี้ เพราะน้องๆ ก็คือตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ ที่เวลาอยู่หน้าเวทีก็ทำงานกันเต็มที่ แต่อีกด้านที่ของชีวิต พวกเขาก็คือเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ ที่มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน ชอบไปเที่ยว ชอบเซลฟี่กับเพื่อนๆ ซึ่ง X-A5 ก็คือกล้องสามารถตอบโจทย์ได้ครบในทุกสถานการณ์"
"หนึ่งในจุดแข็งของกล้อง X-A5 ที่ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยจะต้องชอบมาก ก็คือโหมด Portrait Enhancer ที่สามารถปรับความเนียนของใบหน้าได้ถึง 3 ระดับ ซึ่งถูกพัฒนาโดยทีมฟูจิฟิล์มไทยแลนด์ ที่ต้องบอกเลยว่าทางบริษัทแม่ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยมาก เพราะไทยคือประเทศที่มียอดขายกล้องในตระกูล X-A Series มากที่สุดในโลก"
"ขณะที่เรื่องราคา เราเปิดราคากล้อง X-A5 ที่ 21,990 บาท ซึ่งถูกกว่ากล้อง X-A3 ถึง 2,000 บาท เป็นเพราะเราต้องการให้คนไทยสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น กลุ่มวัยรุ่นก็ซื้อได้ คนที่เคยบินไปซื้อที่ต่างประเทศก็สามารถซื้อได้เลย เพราะนี่เป็นราคาที่เท่ากับที่ญี่ปุ่นแล้ว"
สิทธิเวช อธิบายต่อไปว่า "สำหรับกลยุทธ์ของฟูจิฟิล์มในปีนี้ เราจะต้องสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ ว่าการใช้กล้องถ่ายภาพนั้นมีความแตกต่างจากการใช้สมาร์ทโฟนอย่างไร ทั้งเรื่องของความสวยของภาพ และคุณภาพไฟล์ที่ได้ ซึ่งมันมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดเยอะมาก และถ้าเราสามารถดึงกลุ่มลูกค้าตรงนี้มาได้ผมเชื่อว่าเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดที่ 50% ภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถไปถึงได้อย่างแน่นอน"
แต่ดูจากกระแสตอบรับในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 กพ. ที่ผ่านมา ดูท่าฟูจิฟิล์มคงไม่ได้เพียงแค่ลูกค้าสาวๆ เท่านั้น แต่ยังมี "โอตะ" ที่พร้อมจะเปลี่ยนค่ายมาใช้ตามโอชิของตัวเองกันอีกเพียบแน่นอน!