ธนาคารไทยพาณิชย์  จับมือ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ในโครงการ EV Home Model ให้ผู้ใช้รถพลังงานไฟฟ้าเป็นเจ้าของเครื่องชาร์จไฟฟ้าแบรนด์ Wallbox ผ่านแอปฯ SCB Easy 

EV Home Model

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า รถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่โลกในอนาคต โดยเทรนด์การครอบครองภายในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งรถบ้านและรถเพื่อการขนส่ง 

สำหรับการเป็นพันธมิตรกับบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด บริษัทนวัตกรรมพลังงานในเครือ EGAT ในการขับเคลื่อนโครงการการขยายสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าที่บ้าน (EV Home Model) ภายใต้แบรนด์ Wallbox เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคทั่วไป ผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY และสนับสนุนการเข้าถึงสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าที่บ้าน และการขยายโครงสร้างพื้นฐาน EV Charger 

ทั้งนี้ธนาคารมีความพร้อมที่จะสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการรายย่อยที่ซื้อ Wallbox ผ่าน SCB Easy ซึ่งเชื่อมั่นว่า โครงการ EV Home Model จะสร้างการรับรู้เรื่องการดำเนินชีวิตบนวิถีความยั่งยืนให้แก่ประชาชน และเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้างอีโคซิสเต็มรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง สู่การเติบโตเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมไทยต่อไป

ซื้อ Wallbox ผ่าน SCB Easy 

ดร.ชาลี อัศวธีระธรรม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ด้วยกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ธนาคารจึงสามารถพัฒนาโซลูชันทางการเงินเพื่อสอดรับกับเทรนด์ของธุรกิจและเทรนด์ความต้องการของลูกค้าได้ ภายใต้โครงการ “EV Home Model” ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ Wallbox ได้สะดวกสบายมากขึ้นผ่าน SCB Easy 

ปัจจุบันมีลูกค้าผู้ใช้งาน SCB Easy 16 ล้านคน ซึ่งเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในประชาสัมพันธ์การสนับสนุนทางด้านข้อมูล และการเข้าถึง EV Home Charger ให้แก่ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจ รวมถึงการจัดสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการใช้งาน EV Home Charger โดยธนาคารจะนำ AI เข้ามาช่วยอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้สนใจเป็นเจ้าของ Wallbox ได้อย่างเหมาะสม รวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจซื้อ Wallbox ผ่านทาง SCB Easy มากกว่า 10,000 ยูนิตภายใน 3 ปีนี้

ทำไมต้องใช้ Wallbox

อธิป ตันติวรวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า อินโนพาวเวอร์ เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าประเทศ ผ่านการขยายธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งเครื่องชาร์จอีวีอัจฉริยะภายใต้แบรนด์ Wallbox ผลิตโดยบริษัท Wallbox Chargers S.L. ของประเทศสเปน 

Wallbox เป็นเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าแบบสมาร์ทอย่างสมบูรณ์แบบ ได้รับการออกแบบโดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centered Design) ควบคุมการทำงานของเครื่องชาร์จได้เพียงปลายนิ้วผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งยังได้รับการออกแบบให้การชาร์จไฟฟ้าแต่ละครั้งเกิดความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยความสามารถในการกำหนดเวลาชาร์จไฟฟ้าให้สัมพันธ์กับไลฟ์สไตล์การใช้งาน 

อีกทั้งรวมถึงตั้งค่าการชาร์จไฟฟ้าในช่วงที่อัตราค่าไฟต่ำ (Time of Use Tariff) รองรับการทำงานร่วมกับพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ และเฉลี่ยกำลังไฟขณะชาร์จเพื่อป้องกันการใช้ไฟฟ้ามากเกินไปเมื่อใช้งานพร้อมกันหลายคัน นอกจากนี้การติดตั้ง Wallbox ยังติดตั้งตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นลำดับแรกอีกด้วย

บริษัทจะรับผิดชอบการติดตั้งและบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อ Wallbox ผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy โดยลูกค้าสามารถใช้ Wallbox เพื่อชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าเพื่อการใช้งานของตนเอง หรือขยายการใช้งานไปสู่บริการเชิงพาณิชย์ในลักษณะผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะเป็นพลิกโฉมการชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย จากจุดให้บริการสาธารณะสู่จุดให้บริการจากบ้านจะมีส่วนผลักดันให้เกิดการใช้ EV ครอบคลุมทั่วไทย 

กฟผ.หนุนธุรกิจระบบนิเวศน์รถพลังงานไฟฟ้าครบวงจร

วฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ วิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด กฟผ. ไม่เพียงแค่ดำเนินภารกิจในการจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชน ยังสนับสนุนธุรกิจระบบนิเวศน์รถพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรภายใต้สถานีชาร์จไฟฟ้าแบรนด์ EleX by EGAT ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ  

ทั้งนี้กฟผ.มีเป้าหมายที่จะขยายจำนวนสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้ครบ 150 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น กฟผ.มั่นใจว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ และอินโนพาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของกฟผ. ในครั้งนี้ จะเป็นอีกแรงส่งให้จำนวนสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างรวดเร็ว