KTC-TDRI แชร์มุมมองเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 66 สินเชื่อโตตามกำลังซื้อฟื้นตัว
12 Jun 2023

เคทีซีจัดงานเสวนา KTC FIT Talks #9 จับเข่าคุยเรื่องเศรษฐกิจและธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครึ่งหลังปี 2566 มั่นใจทิศทางและเป้าหมายการเติบโตธุรกิจส่งสัญญาณบวก 

 

มองเศรษฐกิจในมุม TDRI

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการ โครงการ TDRI Economic Intelligence Service (EIS) กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปี 2566 จะดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากมองว่ามีการขยายตัวจากการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลดีต่อไทย รวมถึงกำลังซื้อของครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยว

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก

ผู้อำนวยการ TDRI Economic Intelligence Service มองว่าเศรษฐกิจโลกมีความถดถอย แต่ยังมีการเติบโตที่ช้าลงจากเดิมคือ เติบโต 2.1% หากดูประมาณการณ์จากธนาคารโลกพบว่า การขยายตัวที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศมีการเติบโตที่ช้าลงเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลกระทบกับไทยในเรื่องการส่งออก แต่จีนคือประเทศใหญ่ที่เป็นคู่ค้าไทยซึ่งมีการเติบโตถึง 5.6% ทำให้เห็นว่าจีนมีสัญญาณเติบโตที่ต่อเนื่อง ซึ่งจากที่จีนเปิดประเทศส่งผลชัดเจนกับไทยในเรื่องการท่องเที่ยวและส่งออก ดังนั้นแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีการส่งผลกระทบทางทางบวกและทางลบ
 
ส่วนเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วแต่ยังไม่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้มีการขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารกลางในสหรัฐอเมริกาด้วยหวังให้ลดภาวะเงินเฟ้อ ลดการใช้จ่าย ทำให้ราคาสินค้าลดลงบ้างแต่ส่งผลชัดเจนกับธนาคารขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา 
ทั้งนี้วิกฤตธนาคารปิดตัวในสหรัฐอเมริกายังส่งผลกระทบให้เงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์มีแนวโน้มชะลอตัวลดลง หลายหน่วยงานคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 โดย FED มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารโลกคาดว่าปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 1.1% เปรียบเทียบกับปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 2.1% 
 
อีกทั้งจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ทำให้มีเงินไหลเข้าสหรัฐอเมริกามากขึ้น ทำให้แนวโน้มเงินบาทไทยอาจแข็งค่าขึ้นเช่นกันในปีนี้ เพื่อลดช่องว่างลงระหว่างอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งปีนี้เฉลี่ยแล้วทั้งปีค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งหากครึ่งปีหลังมีการส่งออกและการท่องเที่ยวดีขึ้น ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมากกว่านี้

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ผู้อำนวยการ TDRI Economic Intelligence Service มองว่า GDP ของไทยจะเติบโตที่ 3.5% ในปีนี้ ซึ่งการมีรายได้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังทำให้กำลังซื้อดีขึ้น และส่งออกของไทยมีมากกว่าการนำเข้าสินค้า เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าเพื่อการลงทุนเข้ามาจำนวนมาก เช่น วัตถุดิบ เครื่องจักร เป็นต้น แต่สำหรับปีนี้การนำเข้าน้อยลงจึงส่งผลให้การส่งออกเป็นบวก 
 
ทั้งนี้การบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวเหนือระดับก่อนโควิด-19 ซึ่งในอนาคตมองว่าดัชนีความมั่นใจของผู้บริโภคในการใช้จ่ายมีมากขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ รวมถึงการว่างงานมีแนวโน้มลดลงจากการจ้างงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในกลุ่มอาชีพอิสระ เจ้าของธุรกิจมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยแนวโน้มการจ้างงานในอีก 3 เดือนข้างหน้า นายจ้างมีความต้องการกำลังคนมากขึ้น 
 
ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 2.5% ในปีนี้ และมองว่าปีหน้าจะอยู่ที่ 2% เนื่องจากในปีนี้ปัจจัยเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่มีการปรับขึ้นในช่วงตุลาคม 2565 ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง ซึ่งเริ่มเห็นชัดว่าผู้ผลิตมีการส่งผ่านต้นทุนมาที่ผู้บริโภคมากขึ้น และอีกปัจจัยคือค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่มีราคาเพิ่มขึ้น
 
อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.25% และทยอยปรับขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.25% - 2.5% ภายในปีนี้ หากพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายภายในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศไทยมีการปรับอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด ขณะที่หนี้ครัวเรือนของไทยยังอยู่ในระดับสูงซึ่งจะเป็นข้อจำกัดในการเพิ่มการบริโภคในอนาคต ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือนไทย เป็นการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนเงินกู้ที่ผิดนัดชำระในส่วนเกิน 30 วัน มีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงหลังโควิด-19 ที่ผ่านมา
 
ส่วนการท่องเที่ยวจะเริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน และ 35.5 ล้านคนในปี 2567 แต่ข้อจำกัดหลักของไทยคือคนทำงานในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวไม่เพียงพอรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยว
 
ขณะที่การลงทุนมีการฟื้นตัวมากขึ้นตั้งแต่ในช่วงที่มีโควิด-19 ซึ่งมีการลงทุนมากขึ้นตั้งแต่ก่อนปี 2564 โดยการนำเข้ากลุ่มสินค้าเพื่อการลงทุนในการขยายกำลังการผลิต รวมถึงมีการย้ายฐานการลงทุนจากจีนมาที่ไทยมากขึ้น เช่น กลุ่มการผลิตรถยนต์จากจีน เป็นต้น 
 
แต่ทั้งนี้นักลงทุนยังคงมีความไม่มั่นใจในการเมืองภายในประเทศของไทย เนื่องจากการตั้งรัฐบาลช้าจะทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจการลงทุนในไทย และในเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่ยังไม่สามารถตั้งงบประมาณได้ เนื่องจากยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งในการใช้จ่ายภาครัฐไตรมาส 4 ของปีนี้ อาจจะไม่สามารถใช้งบประมาณได้มากนัก 
 
ส่วนสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น

KTC ปรับกลยุทธ์สอดรับเศรษฐกิจฟื้นตัว
 

ชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มงานบริหารการเงิน เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่า การประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวของทีดีอาร์ไอ เป็นไปในแนวทางเดียวกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ และเชื่อว่าจะส่งผลบวกให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวมากขึ้น 

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรม 14.8% อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 22.5% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ 17.7% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 12.2% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 3.8%
อีกทั้งเคทีซีได้วางแผนกลยุทธ์การรุกตลาดเพื่อเตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดยได้ออกบัตรเครดิตเพื่อการท่องเที่ยว 2 ใบคือ บัตรเครดิต อโกด้า มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตเจซีบี อัลติเมท และมีสิทธิพิเศษหลากหลาย 
 
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะส่งผลให้ทุกพอร์ตสินเชื่อของเคทีซีขยายตัว และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจร้านค้ารับชำระเติบโต ทั้งจากภาคอุปสงค์ในไทยที่ขยายตัว จากการใช้จ่ายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่\เดินทางเข้ามาในไทย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการเงินของบริษัทฯ ยังคงสามารถรองรับการเติบโตตามเป้าหมายได้ 
 
นอกจากนี้ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในปี 2566 จะมีกำไรสูงกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% บัตรเครดิตเติบโต 10% พอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด เคทีซี พราว เติบโต 7% ยอดอนุมัติสินเชื่อ เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน เพิ่ม 9,000 ล้านบาท และ NPL น้อยกว่า 1.8% 
 
[อ่าน 1,491]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลาซาด้าเปิดศึก 9.9 ลดอลังปังทุกแบรนด์ ดึงกระแสโซเชียล “ช้อปยังไงก็ไม่รู้สึกผิด”
เอเซอร์ เปิดตัวแล็ปท็อป TravelMate X14 AI พร้อมโปรเจ็กเตอร์รักษ์โลก Vero
แฟชั่นนิสต้าห้ามพลาด! เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ บัตรเครดิต ttb เสิร์ฟแคมเปญ “ช้อปตัวแม่”
New Balance เปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ใหญ่สุดในไทยที่ CENTRAL PARK ประเดิมขายรุ่น 1906L สีใหม่ 10 ก.ย. นี้
Lee ปลุกตำนานยีนส์ ดึง Zhang Linghe นั่ง Brand Ambassador APAC
มาสเตอร์การ์ด–Beam เปิดตัว “Beam Bolt” พลิกโฉม SME ไทยสู่ดิจิทัลเพย์เมนต์
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved