
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ (ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในเครือ เช่น บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน, และบัตรเครดิตโลตัส) รายงานตัวเลขสำคัญ ณ สิ้นสุดไตรมาส 3/2568 ดังนี้:
นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน (NPLs) อยู่ในระดับที่ควบคุมได้และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ โดยอยู่ที่ 1.3% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.2% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล
เป้าหมายสิ้นปี 2568 กรุงศรี คอนซูมเมอร์ คาดการณ์ว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะทำได้ตามเป้า 400,000 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อใหม่ 94,000 ล้านบาท, และยอดสินเชื่อคงค้าง 143,000 ล้านบาท

แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงเติบโตช้า เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว, ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง, และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย และ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
หมวดใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับแรก (ตามยอดใช้จ่าย)
ประกันภัย
ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ
ปั๊มน้ำมัน
ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน
ช้อปออนไลน์
พฤติกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงการหันไปเน้นการใช้จ่ายในหมวดที่จำเป็นและวางแผนระยะยาวมากขึ้น
จากปัจจัยท้าทายต่างๆ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงปรับกลยุทธ์ในไตรมาสสุดท้ายปี 2568 โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน
ปรับจุดขายผลิตภัณฑ์: ปรับปรุงผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้มีสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น อาทิ:
บัตรกดเงินสดเฟิร์สช้อยส์: ชูจุดเด่น "อนุมัติไว…เข้าใจคนรอ"
บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน: พลิกโฉมภาพลักษณ์และเพิ่มสิทธิประโยชน์ “T1 Dynamic Points”
บัตรเครดิตโลตัส: ปรับสิทธิประโยชน์สู่โปรแกรมสะสมคะแนนแบบใหม่ ‘โลตัสมันนี่คอยน์'
บัตรเครดิต กรุงศรี: ปรับโฉมผลิตภัณฑ์เรือธง ภายใต้แนวคิด ‘Life Worth Living’
ปรับกลยุทธ์การตลาดและโปรโมชัน: ใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะแคมเปญในช่วงปลายปี: "กรุงศรีช่วยคุณเปย์เซฟ": ผนึกกำลังบัตรเครดิตในเครือ มอบเครดิตเงินคืนสูงสุด 10% ในหมวดใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน (เช่น ร้านอาหาร, ท่องเที่ยว, เติมน้ำมัน) (1 พ.ย. 2568 – 31 ม.ค. 2569)
แม้ว่าภาพรวมตลาดจะชะลอตัว แต่นายอธิศมองว่าช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวและจับจ่าย ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล (เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส, เที่ยวดีมีคืน) น่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกำลังซื้อในระบบ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลโดยอ้อม





