AIS ประกาศเดินหน้าสร้างก้าวสู่การวิวัฒน์ครั้งใหม่ของโลกดิจิทัล ‘THE NEXT EVOLUTION’ ด้วยการยกระดับขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและ AI สู่การส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลสุดล้ำให้กับคนไทยและองค์กรธุรกิจในทุกภาคส่วน
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS เปิดฉากทัศน์ ‘THE NEXT EVOLUTION’ ด้วยตัวเลขการเติบโต GDP ย้อนหลังไป 60 ปี ของประเทศไทย โดยในช่วง 30 ปีแรก เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ตั้งแต่ที่ AIS ได้รับสัญญาร่วมการงานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เมื่อปี 2533 และลงทุนในระบบแอนะล็อก 1G พัฒนามาตามลำดับถึง 5G ในปัจจุบัน เส้นกราฟที่เดินอย่างราบเรียบก็เปลี่ยนเป็นเส้นที่สูงชันอย่างมีนัยสำคัญ
“ถึงวันนี้ AIS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 34 สิ่งที่ภาคภูมิใจมากๆ ก็คือนอกจากเราได้ทำธุรกิจเพื่อบริษัทแล้ว เรายังได้วางรากฐาน Digital Infrastructure ให้กับประเทศไทย จะเห็นว่าหลังจากที่เรามีระบบโทรคมนาคม GDP ของประเทศไทยโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งไม่ใช่แค่ประเทศไทย นานาประเทศก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน สิ่งที่อยากสรุปก็คือ Digital Infrastructure จะเป็นหัวใจสำคัญ จะเป็นหัวใจหลักในการที่จะพัฒนาประเทศเราอย่างแน่นอน”
‘AIS ECOSYSTEM ECONOMY’
พาย 3 ชิ้น เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน
ชิ้นที่ 1 Digital Infrastructure
จากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ เน็ตบ้าน บริการลูกค้าองค์กร และ Digital Service โดยวันนี้ AIS ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความล้ำหน้าไปอีกขั้น ตั้งแต่โครงข่าย 5G ที่ ยังคงความเป็นอันดับ 1 ในทุกด้านทั้งคุณภาพ และความเร็วของเครือข่ายสัญญาณ ที่ได้รับการรับรองจาก Ookla® รวมถึงการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ ‘NT’ บนคลื่น 700 MHz ที่นอกจากจะทำให้ลูกค้า NT และ AIS ได้รับคุณภาพการใช้งานที่เป็นเลิศแล้ว ยังเท่ากับเสริมความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้แก่องค์กรโทรคมนาคมแห่งชาติอีกด้วย
“สิ่งที่ AIS เชื่อมั่นเสมอมาก็คือ โครงข่ายโทรคมนาคมไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียง Dumb Pipe หรือท่อส่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถยกระดับเพิ่มความอัจฉริยะและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ใช้งานได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โดยวันนี้เราได้เตรียมทำการวิวัฒน์ครั้งใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ด้วย Living Network หรือ เครือข่ายที่มีชีวิตซึ่งทำได้มากกว่าการสื่อสาร เพราะลูกค้าสามารถเป็นผู้ควบคุม สามารถเลือกและออกแบบการใช้งานบน Data ได้เองตามไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะพร้อมให้บริการในเดือนธันวาคม 2566”
ในส่วนของโครงข่ายเน็ตบ้านนั้น ความร่วมมือกับ ‘3BB’ จะทำให้เกิดประโยชน์กับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทยในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ถึงกว่า 13 ล้านครัวเรือน และธุรกิจเน็ตบ้านของ AIS จะก้าวสู่การเป็นผู้เล่นหลักของตลาด ที่พร้อมมอบนวัตกรรม และความเป็นเลิศด้านบริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกับความพร้อมในการเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด WiFi 7 เป็นรายแรกในไทย ร่วมกับ ‘TP-Link’ ที่มาพร้อมเราน์เตอร์มาตรฐาน WiFi 7 ในการรองรับดีไวซ์ Device ให้เชื่อมต่อได้ ลดปัญหาเกี่ยวกับช่องสัญญาณที่แออัด ทำให้ใช้งานได้ไหลลื่น รองรับการสตรีมแบบวีดีโอแบบ 8K การใช้งาน VR ที่ตอบโจทย์ทุกคนในบ้านได้อย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ AIS ยังยกระดับ Enterprise Infrastructure และแพลตฟอร์ม ที่จะมาพลิกโฉมการทำงานขององค์กรภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถนำดิจิทัลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต ผ่านการทำงานร่วมกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกที่ครบและใหญ่ที่สุดในไทย ไม่ว่าจะเป็น Data Center, Bridge Alliance ,AIS PARAGON รวมถึง Communications Platform-as-a-Service หรือ CPaaS ที่เชื่อมตอบโจทย์ทุกการสื่อสารขององค์กรในรูปแบบของ Cloud-based
ชิ้นที่ 2 Cross Industry Collaboration
“นอกจากนี้เรายังเชื่อมต่อพลังของพาร์ทเนอร์ อาทิ ความร่วมมือกับ ‘ธนาคารกรุงไทย’ นำแพลตฟอร์มเชื่อมโยงร้านค้าถุงเงิน ร้านธงฟ้า ร้านค้ารายย่อย โชว์ห่วย ร้านสตรีทฟู้ด รวมกว่า 1.8 ล้านร้านค้า และจับมือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง ทั่วประเทศ ผ่านความแข็งแกร่งของ ECOSYSTEM ที่มุ่งสร้างทั้งประโยชน์ แบ่งเบาภาระ และมอบความพิเศษให้แก่ลูกค้า พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและภาพรวมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”
สำหรับในส่วนของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่องค์กรจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์นั้น AIS ได้ทำงานร่วมกับ ‘ZTE’ เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการ Cloud PC for Enterprise ให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในรูปแบบ Desktop as a Service (DaaS) บนระบบคลาวด์ที่จัดสรรได้ตามความเหมาะสมบนความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บข้อมูล
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับ ‘ไมโครซอฟต์’ ครั้งแรกใน South East Asia ที่พร้อมให้บริการ Microsoft Teams Phone ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการระบบสื่อสารได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ประหยัดต้นทุน เพราะพนักงานสามารถโทรออกไปยังเบอร์ภายนอกและรับสายได้ผ่าน Microsoft Teams ที่คุ้นเคย รวมไปถึงการนำสุดยอดนวัตกรรม genAI ที่จะมาช่วยยกระดับการทำงานของโลกยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกับ Microsoft 365 Copilot for Enterprise
ชิ้นที่ 3 People & Sustainability
สมชัย อธิบายต่อถึงความตั้งใจในการสร้างการวิวัฒน์เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของประเทศว่า เพราะโลกในยุคปัจจุบันธุรกิจไม่สามารถใช้ตัวชี้วัดด้านผลกำไรมาบอกถึงความสำเร็จได้แต่เพียงด้านเดียว แต่องค์กรต้องมีส่วนร่วมในการดูแล เศรษฐกิจ ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กัน ตามหลักของ ‘SDGs’
“นอกเหนือจากการนำดิจิทัลเข้ามาสร้างการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมแล้ว เรายังส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัยให้มีทักษะและเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพผ่านภารกิจ AIS อุ่นใจ CYBER นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้อุ่นใจไซเบอร์ 4P ที่มีผู้เรียนแล้วกว่า 300,000 ราย
สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม เรามุ่งสร้าง ‘Green Network’ ผ่านการบริหารจัดการด้วยนวัตกรรม อย่างการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานของลูกค้า หรือแม้แต่การเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนจากทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม รวมถึงการพัฒนา ‘my AIS’ ให้ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาจ่ายบิลที่สาขา ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 17 ล้านต้น”
ในอีกด้านที่ AIS ดำเนินการควบคู่กันอย่างเข้มข้นคือ ชวนให้คนไทยมีส่วนร่วมในภารกิจนี้ด้วยการปลูกจิตสำนึกและการตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ตามเป้าหมายในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีแบบปราศจากการฝังกลบหรือ Zero e-waste to landfill ซึ่ง AIS พร้อมเป็น HUB of e-waste ที่จะเป็นแกนกลางรวมทุกภาคส่วนมาร่วมกัน ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน
“การจัดงาน THE NEXT EVOLUTION ครั้งนี้ AIS ต้องการสื่อสารคืออะไร ? ไม่ใช่ Digital Infrastructure ที่เรากำลังจะทำ เพราะนี่เป็นเรื่องสามัญ ไม่ใช่ Living Network ที่เราตั้งใจจะมอบสินค้าและบริการของเราที่ดียิ่งขึ้นกับลูกค้า ไม่ใช่ WiFi 7 ที่จะเป็นมาตรฐานใหม่ให้ลูกค้าฟิกซ์บรอดแบนด์ของเรา ได้รับสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่เหนือกว่าคู่แข่ง ไม่ใช่แม้กระทั่ง Paragon Platform ที่เราจะลอนซ์ออกไปในตลาด
การ Collaboration ของเรา คงไม่ใช่แค่กับธนาคารกรุงไทยเพื่อจะขยายต่อออกไป หรือ NT ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมของชาติที่การ Collaboration ช่วยประหยัดเงินให้รัฐบาลมากมายมหาศาล จากงบประมาณเบื้องต้นที่ NT ต้องลงทุน 1 แสนล้านบาท แต่เมื่อมา Collaboration กับ AIS ใช้เงินลงทุนด้านเน็ตเวิร์กเพียง 1 หมื่นล้านบาท นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้เห็น NT เป็นคู่แข่งในตลาด แต่เห็นเป็นเพื่อนในการจะ Cross Collaboration ให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย”
ถามว่าหากอะไรที่กล่าวมาไม่ใช่ทั้งหมด และอะไรคือ THE NEXT EVOLUTION ของ AIS ?
สมชัย กล่าวปิดท้ายว่า
“คำว่า THE NEXT EVOLUTION ของ AIS คือ Sustainable Thailand นั่นคือการทำให้ประเทศไทยของเราเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”