‘โลกเดือด’ คือสัญญาณเตือนของสภาวะโลกร้อนที่กำลังเข้าสู่วิกฤติ สาเหตุหลักเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่เกินกว่าโลกจะรับไหว ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วม ถึงเวลาที่ความสามารถของ Digital จะเข้ามาช่วยลดหรือแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

นำมาสู่การเปิดเวทีสัมมนา ‘AIS Greenovation The Road Towards Digital World เชื่อมต่อนวัตกรรมสู่การเติบโตในโลกดิจิทัลอย่างยั่งยืน’ ที่ ‘AIS’ เชื่อว่าพลังของดิจิทัลและพลังของทุกคน จะสามารถสร้าง Green Network ที่แข็งแรง โดยฉายภาพก้าวสำคัญของการวิวัฒน์สู่การสร้าง Sustainable Nation ที่ดึงดิจิทัล Greenovation ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมชวนพาร์ทเนอร์และ Stake Holder มาถกประเด็นถึงด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางการทำงาน เพื่อร่วมกันลดและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

โดยมี ภคมน สุภาพพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) มาเล่าถึงสถานการณ์การปล่อยคาร์บอนทั้งในระดับโลก และในระดับประเทศ รวมถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในหัวข้อ ‘Empowering Digital, Empowering Greener’ รวมถึงยังมีการเล่าถึงในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญหลักต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ ซึ่งได้ จำรัส สว่างสมุทร ผู้อำนวยการใหญ่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาเล่าให้เห็นถึงเส้นทางสู่การเป็น ‘Green Industry’ และบทบาทสำคัญของสภาอุตสาหกรรมต่อการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ ภายในเวทีสัมมนายังมีอีก 2 หัวข้อซึ่งถือเป็นการแชร์มุมมองในส่วนของภาคปฏิบัติที่นำประสบการณ์จริงมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งสำหรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่ยืนหยัดด้านสิ่งแวดล้อมของ AIS ถูกวางไว้ใน 2 แกนหลัก

• ลดผลกระทบผ่านการบริหารจัดการกระบวนการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ
• ลดและรีไซเคิลของเสียจากการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมให้คนไทยร่วมกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

The Road Towards Green Network & Solution

เส้นทางสู่การสร้างดิจิทัลโซลูชัน และโครงข่ายเพื่อสิ่งแวดล้อม หัวข้อที่จะมาฉายภาพให้เห็นถึง ภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในโลก และมุมมองต่อการทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปยกระดับการทำงานของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั้ง Value Chain สู่เส้นทางการเป็น Green Network โดยมี วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS และวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด มาร่วมกันพูดคุยในประเด็นดังกล่าว

หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS ได้ฉายภาพให้เห็นถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมว่า การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยบริหารจัดการ การใช้พลังงานกับการทำงานเครือข่าย เป็นเรื่องสำคัญและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลก

ซึ่งในส่วนของ AIS ที่วันนี้นอกจากการปรับอุปกรณ์สถานีฐาน และเริ่มนำพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติ อาทิ พลังงานจากแสงอาทิตย์ และพลังงานลม มาเริ่มใช้ควบคู่กับพลังงานหลัก ภายใต้แนวคิด Green Network แล้ว AIS ยังเริ่มทดลอง ทดสอบ นวัตกรรม โซลูชันต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ Traffic ของระบบเครือข่ายทั้งหมด กับเป้าหมายการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วเช่นกัน

“เราเชื่อว่าการจะเป็น Go Green ได้นั้นต้อง Go Digital ควบคู่กันไปด้วย ทำให้เราเดินหน้า Moving to The Cloud เพื่อยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ภายในสถานีฐานให้ยาวนานขึ้น รวมถึงความตั้งใจในการพัฒนา Autonomous Network ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานของลูกค้า ได้แบบ More Bits, Less Watts เพื่อให้ลูกค้ายังคงได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ตรงใจ พร้อมกับการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

The Ecosystem of e-waste road to ZERO Waste

อีกหนึ่งหัวข้อที่เล่าให้เห็นอย่างต่อเนื่องถึงพัฒนาการของ Digital ที่มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้ปริมาณของจำนวน Digital Device เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในหัวข้อนี้ก็จะมาถกกันถึงเรื่องของการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่การสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นความสำคัญและรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากขยะเหล่านั้นไม่ได้เข้าสู่กระบวนการจัดการที่ถูกต้อง โดยภายในวงสัมมนานี้ มีพาร์ทเนอร์จากหลายหลายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสื่อมวลชนมาเข้าร่วม

ไม่ว่าจะเป็น สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS, ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ETDA (Moderator), เอกพัชร์ สิทธิไตรวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนธุรกิจและบริการกลาง บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน), สุทธิดา ฝากคำ ผู้จัดการอาวุโสด้านสิ่งแวดล้อมบริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์สยาม จำกัด (WMS) และสมปรารถนา นาวงษ์ ผู้ก่อตั้งเพจอีจัน

ในส่วนของแนวทางการทำงานของ AIS เพื่อลดและรีไซเคิลของเสียจากการดำเนินธุรกิจรวมถึงมุ่งส่งเสริมให้คนไทยร่วมกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อประเทศเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ปริมาณอุปกรณ์ ดีไวซ์ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย สอดคล้องกับข้อมูลของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศหรือ ITU ที่พบว่า

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกทิ้งหรือเผาทำลาย มีมูลค่าถึง 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีแค่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ที่มีการจัดเก็บอย่างถูกวิธีและนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ AIS ลุกขึ้นมาพูดและให้ความสำคัญกับปัญหา E-Waste เป็นรายแรกในอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 2019

“เราอยากสร้าง HEALTHY ECOSYSTEM ในการทำงานด้าน E-Waste โดยที่ผ่านมาเราเริ่มต้นจากภายในองค์กรด้วยการชวนพนักงานให้มีส่วนร่วมกับการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งอย่างถูกวิธี นำมาสู่การเชิญชวนเพื่อนบ้านองค์กรใกล้เคียงจนกลายเป็นกลุ่มกรีนพหลโยธินที่มาเข้าร่วมโครงการคนไทยไร้ e-waste

หลังจากนั้นเราก็ขยายความร่วมมือไปยังภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ที่วันนี้มีกว่า 190 องค์กรเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังเป็น Green Partnership ที่ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้าน E-Waste นอกจากนี้ เรายังนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามายกระดับกระบวนการจัดการด้วยแอปพลิเคชัน E-Waste+ ที่สามารถติดตาม รับรู้เส้นทางของการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงคำนวณปริมาณ Carbon Scores ได้อีกด้วย”

กระทั่งในวันนี้ AIS พร้อมเป็นแกนกลางด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ HUB of e-waste ที่มีความครอบคลุมทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ ด้านเครือข่ายที่มาช่วยกันแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ด้านจุดรับทิ้ง ด้านการขนส่ง หรือแม้แต่ด้านรีไซเคิลตามเป้าหมาย Zero e-waste to Landfill โดยตั้งเป้าหมายที่จะเชิญชวนให้ทุกองค์กรส่งต่อความตระหนักรู้ในด้านนี้ ไปยังพนักงาน ลูกค้า หรือแม้แต่ Stakeholder ทุกกลุ่ม เพื่อต่อยอดการทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระดับประเทศต่อไป

ทั้งนี้ การจัดงานสัมมาดังกล่าว AIS ได้สร้างการมีส่วนร่วมให้เกิด Green Network ที่จะนำไปสู่พัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมทั้งการชวนทุกคนมาร่วมกันทิ้ง E-Waste และได้มีการคำนวนปริมาณ Carbon Footprint ที่เกิดขึ้นจากการจัดงานในทุกส่วน เพื่อทำการซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยเท่ากับปริมาณที่ปล่อยออกมา

ทำให้การจัดงานครั้งนี้เป็นงาน ‘Carbon Neutral Event’ ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก