สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล (Standard International) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในธุรกิจไลฟ์สไตล์โฮเทล จับมือ 2 ดีเวปลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (Sansiri Public Company Limited) ผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ของไทยและ บริษัท ซีจี แคปปิตอล จำกัด (CG Capital Limited) บริษัทบริหารการลงทุนจากตระกูลจิราธิวัฒน์ในรูปแบบกองทุน Private Equity ที่เจาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์
เปิดตัวโครงการ “THE STANDARD RESIDENCES” โครงการที่พักอาศัยรูปแบบbranded residences บนทำเลสุดฮอตกับ 2 เมืองท่องเที่ยวระดับโลก ได้แก่
เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์หัวหิน (The Standard Residences, Hua Hin) โครงการbranded residences แห่งแรกในเอเชีย กับทำเลบีชฟร้อนท์สุด Rare บนชายหาดหัวหินที่ขาวและสวยที่สุดเทียบชั้นเมืองตากอากาศชั้นนำระดับโลกพร้อมกับexperience facilities ระดับเวิลด์คลาส
เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์ภูเก็ตบางเทา (The Standard Residences, Phuket Bang Tao) ที่นอกจากจะตั้งอยู่บนที่ดินไข่แดงของย่านที่ฮอตที่สุดในภูเก็ตอย่างย่านบางเทาแล้วยังให้ความลักซ์ชัวรี่แบบ super low density ด้วยจำนวนยูนิตแค่ 188 ยูนิต บนที่ดิน 12 ไร่ หรือ 16 ยูนิตต่อไร่ ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตอยู่อาศัยเองและซื้อไว้เป็นฮอลิเดย์โฮมด้วยดีไซน์ทันสมัย แปลกใหม่ และมาตรฐานที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับของ เดอะ สแตนดาร์ด มูลค่าทั้ง 2 โครงการรวมกว่า 8,500 ล้านบาท
หลังวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนจากในปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยสูงถึง 28 ล้านคน มากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ ทั้งยังมีแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะเร่งตัวแตะ 35 ล้านคน จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะ 2 ทำเลอสังหาฯอย่าง “หัวหิน” เดสติเนชั่นท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติเทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลกจากการเป็น Wolrd Class City of Relaxation ด้าน Wellness & Medical Tourism Hub รวมถึงแหล่งคอมมูนิตี้ของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Luxury Tourists ที่มีกำลังซื้อสูง (affluent community) ร้านอาหารขึ้นชื่อมากมาย
เสน่ห์วัฒนธรรมของหัวหินที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดจนนโยบายการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่สายใต้ การขยายสนามบินนานาชาติหัวหินเพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน รวมถึงprivate jet ยกระดับการเดินทางที่เชื่อมต่ออย่างสะดวก รวดเร็วขึ้น ตลอดจนเพิ่มโอกาสศักยภาพการลงทุกจากกลุ่มธุรกิจต่างชาติ
ขณะที่ “ภูเก็ต” เมืองที่ได้ชื่อว่า‘ไข่มุกแห่งอันดามัน’ เพราะติดอันดับ World Class Tourist Destination อย่างต่อเนื่องและล่าสุดยังถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดในโลกภาครัฐจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยการยกระดับระบบสาธารณูปโภคเช่นโครงการทางด่วน 2 สาย โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3 การเพิ่มรางรถไฟและศูนย์สุขภาพและโรงพยาบาลระดับนานาชาติรองรับความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีจากนักลงทุนจากเอเชียและยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เพื่ออยู่อาศัย ให้เช่า และการลงทุน
อมาร์ ลัลวานี่ (Amar Lalvani) ประธานกรรมการบริหาร Standard International กล่าวว่า
Standard International บริษัทเครือไลฟ์สไตล์โฮเทลระดับโลกและเป็นบริษัทแม่ของเครือโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด (The Standard) ซึ่งก่อตั้งมากว่า 25 ปีด้วยเอกลักษณ์ ตัวตน และการฉีกกฎเกณฑ์ของมาตรฐานโรงแรมแบบเดิมๆ เปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในฮอลลีวูด รวมทั้งปักหมุดเปิดให้บริการในทำเลสำคัญทั่วโลกได้แก่ นิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน, อิบิซา, มัลดีฟส์, หัวหิน และกรุงเทพมหานครที่เป็นแฟล็กชิพของเอเชีย อย่าง The Standard, Bangkok Mahanakhon
จุดเด่นของแบรนด์เดอะ สแตนดาร์ด คือ การสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้เข้าพัก ด้วยบุคลิกที่สนุกสนาน ขี้เล่น รวมถึงการให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันทั้งการออกแบบ และการบริการ กลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ เดอะ สแตนดาร์ดในฐานะผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งในด้านห้องพัก การท่องเที่ยว อาหาร และความสนุกยามค่ำคืน
รวมถึงการเปิดประสบการณ์กับกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นโชว์ การจัดวางชิ้นงานศิลปะ อาหารมื้อพิเศษ ไลฟ์มิวสิกหรือดีเจชั้นนำระดับโลก เอ-ลิสต์ปาร์ตี้ ฉายภาพยนตร์รอบพิเศษ ไปจนถึงการเปิดตัวแบรนด์สินค้า ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้เดอะ สแตนดาร์ดพิเศษและไม่เหมือนใคร
สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนลประกอบด้วยโรงแรม 3 แบรนด์หลัก ได้แก่
โดยโครงการ The Standard Residences จะหยิบยกเอาจุดเด่นด้านดีไซน์ของโรงแรม The Standard ไม่ว่าจะเป็น ห้องนั่งเล่นที่ดูสนุกสนาน การผสมผสานโทนสี การเลือกสรรวัสดุ และเตียงนอนที่นุ่มสบาย มาต่อยอดกับบริการอันเป็นเอกลักษณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสร้างประสบการณ์พักผ่อนที่แตกต่าง ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าพัก
ตลาด branded residences ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตถึง 216% ด้วยโลเคชั่นที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น The Standard Residences จึงไม่จำกัดเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักแต่ยังเล็งการขยายตัวไปยังเมืองที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีเอกลักษณ์โดดเด่น ยกตัวอย่างเช่น บาหลี สิงคโปร์หรือ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น
โครงการ branded residences ที่ได้ทำการเปิดขายไปแล้ว มีทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ The Standard Residences, Midtown Miami โดยมีจำนวนทั้งหมด 228 ยูนิต เป็นตึก 12 ชั้น โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 450,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 85% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568
ส่วน The Standard Residences, Lisbon มีจำนวนทั้งหมด 32 ยูนิตแบ่งเป็น 3 ตึก โดยมีราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 350,000 บาท และมียอดขายแล้วกว่า 91% มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567
การที่ทั้ง 2 โครงการ มีราคาขายสูงกว่าโครงการอื่นๆ ในตลาดเดียวกันกว่า 20% เป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการbranded residences ของสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งล็อบบี้เลาจน์ที่มีทั้งคาเฟ่, เดอะสแตนดาร์ดโซเชียลคลับ, คอร์ทพิคเคิลบอล, ห้องคาราโอเกะ, โยคะสตูดิโอ, ฟิตเนส, โคเวิร์คกิ้งสเปซ, ห้องเก็บจักรยานและห้องสมุดรวมถึงดีไซน์ที่แตกต่าง แม้ว่าโครงการที่ไมอามี่จะเป็นโครงการที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวก็ตาม
อุทัย อุทัยแสงสุข– ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ในปี 2567 ถือเป็นปีที่สำคัญของ แสนสิริ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์หลากหลายครอบคลุมโครงการคุณภาพในทุกระดับเซ็กเมนท์รวมกว่า 500 โครงการ
ทั้งนี้แสนสิริพัฒนาโครงการรีสอร์ทคอนโดมิเนียม(รวม The Standard Residences, Hua-Hin) ในหัวหินมาแล้วจำนวนรวม 25 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท โดย 22 โครงการ Sold out (ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) จากความเชื่อมั่นในคุณภาพแบรนด์ โครงการคุณภาพสูง มาพร้อมมาตรฐานการออกแบบดีไซน์ที่โดดเด่นพร้อมฟังก์ชั่นตลอดจนบริการดูแลหลังการขายที่ สร้าง Value-added ให้กับลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า
แสนสิริยกให้หัวหินเป็นหนึ่งใน Strategic Location สำคัญ โดยได้พัฒนาโครงการแฟล็กชิพแห่งแรก‘บ้านไข่มุก’ ซึ่งเป็นรีสอร์ทคอนโดลักซ์ชัวรี่ ติดริมหาดบนหาดทรายขาวที่สุดและสวยที่สุดของหัวหินปัจจุบัน ราคา capital gain พุ่งสูงถึง 1,000% จากการดูแลอสังหาฯให้คงสภาพเสมือนวันแรกที่เข้าอยู่โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้
เราพบว่าหัวหินเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูง เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัย Resort home เป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทั้งซื้อเพื่ออยู่เองเพื่อการลงทุนของชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังพัฒนา ด้านระบบคมนาคม รวมถึงการผลักดันของภาครัฐให้หัวหินเป็น World Class City of Relaxation ศูนย์กลางของด้าน Wellness และ Medical Tourism Hub
ประกอบกับมีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคหลักทั้งการขยายสนามบินเพื่อรองรับไพรเวทเจ็ทของนักท่องเที่ยวกลุ่มลักซ์ซัวรี่และการตั้งเป้าให้หัวหินเป็นสมาร์ทซิตี้ที่มีความทันสมัยและปลอดภัยและที่สำคัญ branded residences เป็นหนึ่งรูปแบบอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายเกือบทุกรูปแบบรวมถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนทั้งในลักษณะการปล่อยเช่า (Rental Yield) และการขายต่อในอนาคต (Capital Gain) จากการดูแลบริหารจัดการโดยแบรนด์โรงแรมมาตรฐานระดับโลก
ภูมิ จิราธิวัฒน์กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีจี แคปปิตอลจำกัด กล่าวว่า
ซีจี แคปปิตอล ผู้บริหารกองทุน Private Equity ในเครือเซ็นทรัล ได้จัดตั้ง กองทุนแรกในมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวของไทยซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาวโดยมีผู้ลงทุนหลักได้แก่ 1. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 2. ธนาคารชั้นนำ 3. นักลงทุนสถาบันระดับโลก ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนทั้งในส่วนโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุกสวนน้ำ และโครงการมิกซ์ยูส ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศได้แก่ กรุงเทพมหานครภูเก็ต สมุย และพัทยา โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 3-5 โครงการ
ภูเก็ต เมืองที่ได้ชื่อว่า "ไข่มุกแห่งอันดามัน" เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังติดอันดับ1 ใน 10 ของโลกและยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Workation อันดับ 10 ของโลก หลังช่วงโควิดในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแล้วกว่า 11 ล้านคน ทำให้มีการเล็งเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทจากหลายผู้ประกอบการมากที่สุดในเมืองไทย ประกอบกับโดยมีโรงเรียนนานาชาติถึง 13 แห่ง และโรงพยาบาลระดับไฮเอ็นด์
เหตุผลนี้เองทำให้อสังหาฯ ภูเก็ต เนื้อหอมทั้งในแง่ความต้องการ และการลงทุนใหม่ๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างจีนและรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเพิ่มขึ้นถึง 113% และCG Capital ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทองในการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในหาดบางเทา
โครงการ The Standard Residences, Phuket Bang Tao ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านที่เป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ของภูเก็ต อย่างย่านบางเทา (โดยอยู่ใกล้กับPhuket Lifestyle Hub 3 นาทีใกล้หาดบางเทา 5 นาทีซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 25 นาทีและเดินทางไปเมืองเก่าภูเก็ตเพียงแค่30 นาที)
ก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลได้มีการเปิดตัวโครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต (Porto De Phuket) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรจนกลายเป็นฮอตสปอตของภูเก็ตและย่านบางเทาเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทาง CG Capital ตั้งเป้าที่จะต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดโครงการThe Standard Residences, Phuket Bang Tao และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยความเป็นbranded residences ของเครือบูทีคไลฟต์สไตล์ระดับโลกอย่างThe Standard ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
พื้นที่ของโครงการทั้งหมดมีขนาด 19 ไร่โดยแบ่งเป็น 3 โปรเจค เริ่มจาก The Standard Residences, Phuket Bang Tao ที่มีขนาด 12 ไร่ และ โรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา(The Peri Hotel Phuket Bang Tao) รวมถึง F&B Concept ใหม่ล่าสุดจากThe Standard ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีก 7 ไร่
ทั้งนี้ทั้ง 3 ผู้บริหารจาก สแตนดาร์ดอินเตอร์เนชั่นแนล, แสนสิริและซีจีแคปปิตอลมั่นใจว่า The Standard Residences, Hua Hin และThe Standard Residences, Phuket Bang Tao จะประสบความสำเร็จและสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่างสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ควบคู่ไปกับความชำนาญ วิสัยทัศน์ และความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการเฉพาะทางของทั้งสองดีเวลลอปเปอร์ ประกอบกับทำเลที่ตั้งของทั้งสองโครงการที่อยู่ในท็อปโลเคชั่นซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนและนักเดินทางที่มองหาที่พักที่มีมูลค่ามากกว่าการเป็นเพียงที่อยู่อาศัย
สามารถเยี่ยมชมเวปไซต์ของ The Standard Residences ได้ที่ https://www.standardhotels.com/residences