Akira Toriyama (อากิระ โทริยามะ) นักวาดมังงะผู้มีอิทธิพลอย่างสูงชาวญี่ปุ่น ผู้สร้างมังงะเลื่องชื่อ "Dragon Ball" และ "Dr.Slump" ในช่วงทศวรรษ 1980 และเป็นผู้นำการเติบโตในขณะที่กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก เสียชีวิตในวัย 68 ปี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา (แต่เพิ่งเป็นข่าววันนี้) เนื่องจากมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองเฉียบพลัน

การเสียชีวิตของโทริยามะได้รับการยืนยันจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ “Dragon Ball” ซึ่งโพสต์ข้อความยกย่องเขา เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม ผ่านมา

“เราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เขายังมีผลงานอีกหลายชิ้นในระหว่างการสร้างสรรค์ด้วยความกระตือรือร้นอย่างมาก นอกจากนี้ เขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาได้ทิ้งผลงานมังงะและศิลปะไว้มากมายให้กับโลกนี้ ด้วยการสนับสนุนจากผู้คนทั่วโลก เขาจึงสามารถดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์ต่อไปได้มากว่า 45 ปี

เราหวังว่าโลกแห่งการสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของอากิระ โทริยามะ ยังคงเป็นที่รักของทุกคนไปอีกนานแสนนาน” คำแถลงจาก Bird Studio

ชีวิตในช่วงวัยเด็ก โทริยามะเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เน้นการสอนการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ให้กับนักเรียน ด้วยความปรารถนาของพ่อแม่ เขาจึงตัดสินใจไม่เรียนต่อในวิทยาลัย

หลังจากสำเร็จการศึกษามัธยมปลายได้ไม่นาน โทริยามะก็ใช้ทักษะด้านศิลปะเพื่อจ้างงานในเอเจนซี่โฆษณาในนาโกย่า เขาใช้เวลาหลายปีในการออกแบบโปสเตอร์ แต่ก็เบื่อหน่ายกับงานของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาถูกตำหนิซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแต่งตัวสบายๆ ในที่ทำงาน เขาลาออกจากงานเมื่ออายุ 23 ปี และเริ่มเข้าสู่อาชีพนักวาดมังงะอย่างจริงจัง

โทริยามะประสบความสำเร็จในช่วงแรกเริ่มในอุตสาหกรรมมังงะด้วยการสร้างผลงานยอดนิยมเรื่อง “Dr.Slump” ในช่วงปลายยุค 70 ได้รับรางวัล Shogakukan Manga Award ในปี 1981 และดูแลการดัดแปลงอนิเมะอีก 2 เรื่องในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม เสียงไชโยโห่ร้องนั้นเทียบไม่ได้กับ “Dragon Ball” ซึ่งเป็นภาคต่อของเรื่อง “Dragon Boy” ที่ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์กังฟูของเขา ตีพิมพ์ครั้งแรกในรูปแบบซีรีส์ในปี 1984

“Dragon Ball” ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์มังงะที่ขายดีที่สุดตลอดกาล นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นสื่อที่สร้างความนิยมให้กับสื่อมังงะทั่วโลก และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ชมที่รับชมการดัดแปลงจากอนิเมะต่างๆ ในประเทศตะวันตกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผลงานของโทริยามะขยายขอบเขตไปไกลกว่า "Dragon Ball" ตลอดชีวิตของเขาได้รังสรรค์ผลงานอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงการออกแบบตัวละครสำหรับวิดีโอเกมคลาสสิกอย่าง “Chrono Trigger” และซีรีส์ “Dragon Quest”

โทริยามะกลับมาสู่ “Dragon Ball” ในปี 2010 โดยนักวาดมังงะในตำนานผู้นี้ ได้รับเครดิตบทภาพยนตร์จากภาพยนตร์เรื่อง “Dragon Ball Z : Battle of Gods” จากนั้นก็เป็นภาพยนตร์เรื่อง “Dragon Ball” เรื่องแรกที่ดัดแปลงในรอบเกือบ 20 ปี เขามีส่วนร่วมกับทรัพย์สินทางปัญญานี้ตลอดการผลิตภาพยนตร์ล่าสุด รวมถึงเรื่องล่าสุด “Dragon Ball Super: Super Hero” ในปี 2022

ด้านชีวิตส่วนตัว เขาแต่งงานกับ Yoshimi Kato ซึ่งเป็นนักวาดมังงะเช่นกัน ตั้งแต่ปี 1982 และทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคน

เขาทำงานในสตูดิโอที่บ้านของเขาในคิโยสุ และมีรายงานว่านิยมใช้ชีวิตสันโดษ เขาไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะหรือให้สัมภาษณ์

เขาไม่เคยเกษียณอายุ และดูเหมือนว่าจะไม่มีความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

 

ทำไม Dragon Ball ถือเป็นมังงะที่ประสบความสำเร็จตลอดกาล

• การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ Dragon Ball มีโครงเรื่องที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและน่าดึงดูด ผู้สร้างสามารถสานต่อการเล่าเรื่องที่ผสมผสานองค์ประกอบของแอ็คชั่น การผจญภัย อารมณ์ขัน และดราม่าเข้าด้วยกันได้อย่างเชี่ยวชาญ เรื่องราวมีการพัฒนาไปตามกาลเวลา ทำให้ผู้อ่านสนใจกับตัวละครและการเดินทางของพวกเขา

• ตัวละครที่โดดเด่น มังงะเรื่องนี้นำเสนอตัวละครที่หลากหลายและน่าจดจำ โดยแต่ละตัวมีบุคลิก ความสามารถ และภูมิหลังที่เป็นเอกลักษณ์ โกคูเป็นตัวเอกที่มีพัฒนาการสำคัญตลอดทั้งซีรีส์ ทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้และเป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วโลก

• เทคนิคการต่อสู้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ Dragon Ball ปฏิวัติวงการด้วยการแนะนำเทคนิคศิลปะการต่อสู้ รวมถึงการต่อสู้ที่เป็นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ สร้างมาตรฐานให้กับฉากต่อสู้ที่เข้มข้นและดึงดูดสายตา โดยตัวละครจะก้าวข้ามขีดจำกัดและค้นพบพลังใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

• ธีมของมิตรภาพและการเติบโต ตัวละครต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคที่ทำให้พวกเขาต้องเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง และความผูกพันที่พวกเขาสร้างขึ้นมีส่วนช่วยให้เรื่องราวลึกซึ้งทางอารมณ์

• อายุยืนยาวและความสม่ำเสมอ มังงะเรื่องนี้ดำเนินไปเป็นระยะเวลานาน มีหลายบท หลายตอน ทำให้สามารถสร้างฐานแฟนๆ ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะได้เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ คุณภาพการเล่าเรื่องและอาร์ตเวิร์คที่สม่ำเสมอยังคงรักษาความนิยมของซีรีส์นี้ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

• การดัดแปลงและการนำเสนอที่หลากหลาย ความสำเร็จของ Dragon Ball นอกเหนือไปจากมังงะแล้วยังมีการดัดแปลงไปสู่อนิเมะ ภาพยนตร์ วิดีโอเกม และสินค้าต่างๆ อีก มากมาย ที่ล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างสูง

• ผลกระทบทางวัฒนธรรม Dragon Ball มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวัฒนธรรมร่วมสมัยทั่วโลก อิทธิพลนี้สามารถเห็นได้ในมังงะ อนิเมะ และสื่ออื่นๆ มากมาย ทำให้เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ก้าวข้ามจากรุ่นสู่รุ่น

ทั้งนี้ แฟรนไชส์ Dragon Ball สร้างรายได้รวมตามรายงานในสื่อต่างๆ อย่างน้อย 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากมังงะและอนิเมะ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาโปรเจ็กต์เพิ่มเติมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Dragon Ball รายได้รวมอาจมีมากถึงเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว

#AkiraToriyama #อากิระโทริยามะ #DragonBall #มังงะ #MarketPlusOnline #MarketPlusDaily #MarketPlusUpdate