บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ตอกย้ำความสำเร็จโมเดลธุรกิจ ‘The Ecosystem for All’ เชื่อมโยงทุกธุรกิจทั้ง Retail-Residence-Hotel-Office โดยภายในงานแถลงข่าววิสัยทัศน์ประจำปี ‘Infinite Opportunities’ ประกาศทุ่มงบ 121,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี (2567-2571) เดินหน้าแผนพัฒนาโครงการ สร้างย่าน สร้างเมืองหลัก-เมืองรอง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทั้งสร้างโครงการใหม่ และยกระดับโครงการปัจจุบันแบบเต็มรูปแบบ
พร้อมเตรียมสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมรีเทลครั้งยิ่งใหญ่ด้วยโครงการระดับ The World’s New Magnitude ปักหมุด Super Prime Locations ทั่วกรุงเทพฯ เทียบชั้นมหานครระดับโลก ผนึกพันธมิตรร้านค้าเติบโตทั้งระบบ ต่อยอดความแข็งแกร่งบน Retail Ecosystem ผนวกกับ The 1 Biz Marketing Intelligence Solutions ด้วย Data ที่ทรงพลังที่สุดของประเทศ ช่วยดูแล 360 องศาแบบองค์รวม
วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า
“ในช่วงปีที่ผ่านมา เราวางรากฐานและสร้างความสำเร็จให้ The Ecosystem for All ซึ่งเป็นโมเดลที่มี Retail-Led เป็นหัวใจสำคัญในการ Synergy ทุกธุรกิจ ปีนี้เรายังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมยืนหยัดเป็นแรงขับเคลื่อนผลักดันเศรษฐกิจประเทศ โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา (2560-2566) ลงทุนต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15,000-22,000 ล้านบาท
โดยในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสร้าง New High ด้าน ผลประกอบการประจำปี 2566 มีรายได้ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26% รวมถึงด้านทราฟฟิกศูนย์การค้าและยอดขายร้านค้าที่ดีกว่าเป้าหมาย สามารถมอบเงินปันผลสูงที่สุด อีกทั้งการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPNREIT ทำรายได้เพิ่มขึ้น 16% และให้อัตราผลตอบแทน (Yield) 10% อีกด้วย”
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังคงวางแผนระยะยาวในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในแผน 5 ปีตั้งแต่ปี 2567-2571 วางแผนลงทุนทั้งสิ้น 121,000 ล้านบาท และในปี 2567 นี้ จะมีโครงการที่เปิดให้บริการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม, โครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการ และโรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง จับมือกับ International Chain ระดับโลก
ทำให้ในภายในปี 2567 จะมีโครงการศูนย์การค้า 42 โครงการ, คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ, ที่อยู่อาศัย 43 โครงการ, โรงแรม 10 โครงการ, และออฟฟิศ 10 โครงการ
“ปัจจุบันเรามีโครงการมิกซ์ยูส 20 โครงการ ปีที่ผ่านมาได้ขยายเพิ่มที่อุบลราชธานี, อยุธยา, ชลบุรี, ศรีราชา, หาดใหญ่ และในอนาคตเตรียมขยายทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อาทิ นครสวรรค์, นครปฐม, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และจะเตรียมเปิดในปี 2568 ที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ปี 2568 จะมีโครงการมิกซ์ยูสเป็น 25 โครงการ
โดยวิสัยทัศน์ในการสร้าง The Ecosystem for All ที่มี Retail-Led Synergy ช่วยสนับสนุนให้ทุกธุรกิจเชื่อมโยงกันและเติบโตแข็งแกร่ง ทุกองค์ประกอบในมิกซ์ยูสของเรา เป็น Best of the Best ในแต่ละธุรกิจทั้งศูนย์การค้า, โรงแรม, ที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ และอื่นๆ
โดยที่การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จะยิ่งช่วยสร้าง Impact ในวงกว้างได้ สร้างเงินสะพัด ยกระดับคุณภาพชีวิต ช่วยกระจายรายได้ในจังหวัด พร้อมเชิดชูอัตลักษณ์ไทย สร้างเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้น GDP และเศรษฐกิจประเทศ” วัลยากล่าว
ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า
“ในบทบาท Place Making เราไม่เคยหยุดนิ่งและพยายามสร้างสรรค์ ‘พื้นที่ใหม่ๆ’ เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาโปรเจ็คที่ดีและสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้ประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารระดับสูงของเซ็นทรัลพัฒนา นำโดย ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer, วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ Head of Property Management และ อิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Fashion and Luxury Partner Management ร่วมเปิดเผยแผนสร้างความสำเร็จและการผนึกกำลังพันธมิตรสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1. Evolving Centre of Life: ดูแลทุกโครงการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ โดยมีจุดแข็งคือการเข้าใจ Customer Insight มีความเข้าใจตลาดทั้งในประเทศและกลุ่ม Tourist จะมีอิทธิพลสูงด้วยคลื่นกำลังซื้อมหาศาลที่กำลังเข้ามาในประเทศไทย โดยมีศูนย์การค้าที่เป็น Tourist mall กว่า 10 สาขา พร้อมมอบทุกความต้องการแบบ one-stop destination และมีการวางกลยุทธ์ทั้ง Whole Journey ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง
นอกจากนี้ ยังเป็น Trendspotting Pioneer มองโอกาสได้อย่างแม่นยำ โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาเป็น No.1 Destination ที่มีแบรนด์มาเปิด First Store กว่า 76 Brands และ Flagship Stores กว่า 44 แบรนด์ มากที่สุด ยกตัวอย่าง centralwOrld แบรนด์ดังระดับโลกที่มาเปิด อาทิ Shake Shack, The Cheesecake Factory, Nitori, Lululemon, BHC Chicken รวมถึง Pop Mart ที่เปิดสาขา flagship แรกของประเทศไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาล่าสุดที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ประสบความสาเร็จมาก break world record ทำยอดขายเป็นอันดับ 1 จากกว่า 400 สาขาทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ยังต่อยอดขยายความสำเร็จไปยังสาขาอื่นๆ ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดต่างๆ เช่น UNIQLO, Muji, Haidilao, และ Gentlewoman เป็นต้น
2. Ignite Newness: สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไปทุกแห่งอย่างการเปิด เซ็นทรัล นครสวรรค์ ผลักดันให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เชิดชูอัตลักษณ์เมืองมาผสานกับดีไซน์ที่เข้ากับยุคสมัย อีกทั้งยังร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าและท้องถิ่น สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ทั้งการมีห้างเซ็นทรัลที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางตอนบน และมีโรงพยาบาลเป็นส่วนหนึ่งของมิกซ์ยูส ซึ่งจะต่อยอดไปที่เซ็นทรัล นครปฐมที่จะผลักดันชูอัตลักษณ์ของการเป็นเมืองศิลปวัฒนธรรมระดับประเทศ และสร้างพื้นที่ Recreation space ตอบรับความเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับ Digitalized Services และ Experience App เพื่อให้บริการต่างๆ สามารถทำได้บนมือถือทั้งลูกค้าและคู่ค้าด้วย B2B2C Seamless Solution และแพลตฟอร์มนี้จะสามารถต่อยอดสร้างโอกาสให้คู่ค้าเพิ่มยอดขายได้
3. Holistic partnership & Data-Driven Solutions: ดึงจุดแข็งของ Ecosystem ช่วยปั้นธุรกิจคู่ค้าผ่าน The 1 BIZ – Marketing Intelligence Solutions ซึ่งเป็น The Most Powerful CRM Tool ยุคใหม่พร้อมใช้งานสำหรับแบรนด์ทุกระดับ ช่วยแบรนด์ประหยัดต้นทุนและเวลาในการทำ CRM โดยมี Database ที่มากที่สุดในประเทศไทย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี มีครบทุกพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยแบบ 360 องศา จากฐานข้อมูล The 1 ช่วยให้แบรนด์สร้างโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด, รักษาลูกค้า Loyalty, ดึงดูดลูกค้าใหม่, และเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ
นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังมีการดูแลทำงานใกล้ชิดกับคู่ค้าในทุกมิติ ด้วย Retail Expertise เข้าใจตลาด ทั่วประเทศ ช่วยคู่ค้าตัดสินใจเลือกเจาะตลาดได้ถูกต้องตามจุดแข็งของแบรนด์ และยังเชี่ยวชาญในการวาง Masterplan ของศูนย์การค้า มีการ Zoning อย่างมีกลยุทธ์ทำให้ traffic เข้าถึงร้านต่างๆได้อย่างทั่วถึง
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการจ้างงานกว่า 120,000 คนทั่วประเทศ และทุกการขยายโครงการใหม่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นหลายพันคนโดยเฉลี่ยมากกว่า 80% เป็นคนท้องถิ่นของเมืองนั้นๆ ด้านแผนงานความยั่งยืนยังคงเดินหน้าตามเป้าหมาย NET Zero 2050 ร่วมกับทุกฝ่ายใน The Ecosystem for All
#CentralPattana #Imaginingbetterfuturesforall #centralwOrld #เซ็นทรัลพัฒนา #เซ็นทรัลเวิลด์