ตระกูล “สวาทยานนท์”ผนึกพันธมิตรผุดอสังหาฯพื้นที่กทม.-หัวเมืองท่องเที่ยว ปี’67 ประกาศขยายฐานตลาดลักชัวรี
31 Mar 2024

 

กลุ่ม “สวาทยานนท์”ผนึกพันธมิตรตั้ง “เพลินพัฒน์ แอสเสท”ผุดโครงการอสังหาฯแนวราบในพื้นที่กทม.-หัวเมืองท่องเที่ยว กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังเปิดตัวปิดขายแล้ว 3 โครงการ ระบุภาพรวมตลาดอสังหาฯปี67 ยังมีความท้าทาย บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทยังน่าห่วง ยอด Reject พุ่งสูง ประกาศสวนกระแสตลาดผุด 7 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท รับปีมังกร พร้อมขยายเซกเมนต์ชิงส่วนแบ่งตลาดลักชัวรี ในกทม.-ภูเก็ต กางโรดแมป 5 ปี พอร์ตรวมทั้งสิ้น 5,000-6,000 ล้านบาท อนาคตสนนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าปีนี้กวาดยอดขายรวม 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท

 

นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯทั้งธุรกิจของครอบครัวและร่วมทุนพันธมิตรมาหลายโครงการ เป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี และมองว่าที่อยู่ที่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบ ยังเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนมีความต้องการ ดังนั้น เมื่อปี 2561 จึงได้ร่วมกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท  โดยตนถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอีก 49% เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรอีก 2-3 กลุ่ม โดยการพัฒนาแต่ละโครงการจะตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “Maison Development”(เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์)

 

 

โดยการร่วมทุนในครั้งนั้นจะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการพัฒนาแนวราบ ระดับราคา 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก ในทำเลในกรุงเทพฯโซนเหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก จ.สมุทรปราการ และอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยที่ผ่านมาพัฒนามาแล้ว 6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,325 ล้านบาท โดยปิดการขายไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,132 ล้านบาท  ได้แก่

1.เอ็มเวนิว เวสต์เกต (M Venue Westgate) ตั้งอยู่ย่านบางรักพัฒนา จ.นนทบุรี บนพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ขนาดที่ดินตั้งแต่ 37-50 ตารางวา ราคา 4-6 ล้านบาท  จำนวน 54 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 212 ล้านบาท

2.เอ็มไลฟ์ บางนา-ลาดกระบัง (M Live bangna-lat krabang) ตั้งอยู่บริเวณ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่ทั้งหมด 6 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของ ทาวน์โฮม 2 ชั้น และโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น ขนาดที่ดิน 18-50 ตารางวา ราคา 2-4 ล้านบาท  จำนวน 66 ยูนิต มูลค่าโครงการ 190 ล้านบาท

3.เอ็มไลฟ์ บางแค-สาทร (M Life Bangkae-Sathon) ตั้งอยู่บริเวณถนนกาญจนาภิเษก บนพื้นที่ทั้งหมด 18 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 17.5-18.9 ตารางวา ราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 204 ยูนิต มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท

 

 

ส่วนอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขาย มีมูลค่าประมาณ 1,193 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปี 2567 นี้ ประกอบด้วย

1.เอ็มไลฟ์ ลำลูกกา-คลอง 4 (M Life Lamlukka - Klong 4) ตั้งอยู่บริเวณ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บนพื้นที่ทั้งหมด 19 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของ ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 18.5-20.1 ตารางวา ราคา 2-4 ล้านบาท จำนวน 210 ยูนิต มูลค่าโครงการ 473 ล้านบาท

2.เอ็มไลฟ์ สุขุมวิท-บางปู87 (M Life Sukhumvit- Bangpu 87) ตั้งอยู่บริเวณย่านบางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่ทั้งหมด 17 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด และ ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 18.5-37  ตารางวา ราคา 2-4 ล้านบาท  จำนวน 173 ยูนิต มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท

3.ศรีราชา ฮิลล์ไซด์ ทาวน์ สุขุมวิท- ศรีราชา (Sriracha Hillside Town Sukhumvit-Sriracha) ตั้งอยู่บริเวณ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บนพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ อาคารพาณิชย์  ขนาดที่ดิน 18-50 ตารางวา ราคา 4-7 ล้านบาท  จำนวน 63 ยูนิต มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท

นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย โดยบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มียอด Reject สูง และหนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ในส่วนของบริษัทฯแม้จะพัฒนาบ้านในระดับราคา 2-5 ล้านบาท แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ดินที่พัฒนา ทำให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี ซึ่งเป็นการเปิดขายในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่ประสบปัญหาในเรื่องยอด Reject มากนัก ยิ่งหลังวิกฤติโควิด-19 ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2567 นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ,ศรีราชา(ชลบุรี)และภูเก็ต (ตรงข้ามสนามบินภูเก็ต) โดยในปีนี้ บริษัทฯได้มีการปรับแผนรุกพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี ระดับราคาตั้งแต่ 7-20 ล้านบาท ถึงจำนวน 6 โครงการ คือที่ กรุงเทพฯ 5 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย

1.ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา (Maison Hill Sukhumvit-Sriracha ) ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บนพื้นที่ 24 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม ขนาด 18-24 ตารางวา ราคา 2.3-3.5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ขนาด 35-36 ตารางวา ราคา 3.9-4.2 ล้านบาท รวม 176 ยูนิต มูลค่าโครงการ 558 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดพรีเซลไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 150 ล้านบาท

2.มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม2 (Morgen Bangkhunthian-Rama2 ) ตั้งอยู่บริเวณย่านบางขุนเทียน บนพื้นที่ 30 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาด 50-70 ตารางวา ราคา 7.5-14 ล้านบาท จำนวน 103 ยูนิต มูลค่า 1,060 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤษภาคม 2567

3.เอ็ม เวนิว พระราม3-สุขสวัสดิ์62 (M Venue Rama 3 – Suksawat 62) บริเวณซอยประชาอุทิศ 27 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาด 22.5-35.5 ตารางวา ราคา 4.9-6 ล้านบาท จำนวน 42 ยูนิต มูลค่าโครงการ 257 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนตุลาคม 2567

4.แกรนด์ มอร์เกน ไพรเวซี่ พรานนก-สาย1(Grand Morgen Privacy Phrannok  - Sai 1) บริเวณถนนบางเชือกหนัง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่เศษ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในรูปแบบพูลวิลล่า ขนาดตั้งแต่ 100-120 ตารางวา ราคา 18-20 ล้านบาท จำนวน 14 ยูนิต มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567

5.แกรนด์ มอร์เกน พรานนก-สาย2 (Grand Morgen Phrannok  - Sai 2) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 28 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาด 102 -198.9 ตารางวา ราคา14-16 ล้านบาท จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567

6.มาร์วิช สาธุประดิษฐ์-พระราม3 (Mavich Sathupradit -Rama 3 ) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ขนาดตั้งแต่ 24.4-46.6 ตารางวา ราคา 14-16 ล้านบาท จำนวน 29 ยูนิต มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567

7.เมซัน สกาย วิลล่า ภูเก็ต (Maison Sky Villa Phuket) บริเวณหาดไม้ขาว ตรงข้ามสนามบินภูเก็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของพูลวิลล่า 3 ชั้น ขนาด 43.5-69.75 ตารางวา ราคา 20-25 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในช่วงเดือนตุลาคม 2567

 

 

โดยทุกโครงการอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2567-2569

 “ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วง 5 ปีนี้ จะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับราคาตั้งแต่ 3-20 กว่าล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน และต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินย่านหาดในทอน สะสมเหลืออยู่อีกประมาณหลาย 10 ไร่ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำให้บริษัทมีพอร์ตรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และในอนาคตก็สนใจที่จะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ส่วนจะเป็นตลาดไหนต้องขอใช้ระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลก่อน”นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท จาก 3 โครงการเดิมและ 7 โครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2567 นี้

[อ่าน 742]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วัตสัน จัดงาน “Watsons for Better Health” พร้อมเปิดตัว “เดย์ไวต้า พลัส 50” วิตามินรวมรายวันสูตรใหม่ เสริมทัพสินค้าเพื่อสุขภาพตราวัตสัน
เคล็ด…(ไม่)…ลับ ‘กลยุทธ์เมนูเส้น’ อาหารจานเดียวที่พลิกสตรีทฟู้ด ร้านอาหาร สู่การเติบโตได้
ศุภาลัย เดินหน้าปลุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง อัดโปรแรง “ยิ้ม ยืด ยาว” ผ่อนเบาสูงสุด 36 เดือน
โฮมโปร พลิกโมเดลบริการค้าปลีก!! จัดกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า”
เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมจัดงาน Sky Career Festival ครั้งที่ 7 ในธีม ‘Road to the Sky 2025’ ปลุกพลังและศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่เส้นทางอาชีพการบิน
อสังหาฯ เดือด BAM ลดหนักจัดเต็ม FLASH SALE 7.7
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved