World Expo เป็นหนึ่งในงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ รองจากฟุตบอลโลก และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เป็นงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of International des Exposition: BIE) กำหนดให้จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี และหมุนเวียนไปตามแต่ละประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ
โดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2405 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมงานในฐานะของประเทศชั้นนำในทวีปเอเชีย และได้ร่วมงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ภายในงาน World Expo จึงเป็นเสมือนเวทีให้ทุกประเทศที่เข้าร่วมได้แสดงศักยภาพ ความก้าวหน้าของนวัตกรรม และเทคโนโลยีในประเทศของตน รวมถึงการนำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศในระดับสากล
สำหรับงาน World Expo ครั้งนี้ จัดขึ้นในชื่อ EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่นครโอซากาได้เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ โดยจัดขึ้นบนพื้นที่ ของเกาะยูเมะชิมะ (Yumeshima) หรือ เกาะแห่งความฝัน ซึ่งเป็นเกาะเทียมจากการถมทะเล
โดยแต่ละประเทศจะได้รับการจัดสรรพื้นที่ในการก่อสร้าง Pavilion หรือ อาคารจัดแสดง ภายใต้แนวคิดหลัก คือ “Designing Future Society for Our Lives” การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านสุขภาพ และการแพทย์ เพื่อเป้าหมายชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี
ในส่วนของ Thailand Pavilion ในครั้งนี้ภายใต้ชื่อ “ภูมิพิมาน” มีธีมหลัก คือ “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness” สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ และธีมรอง คือ "Thai-Smile Connecting Happiness World Destination" ยิ้มสยามที่ก่อให้เกิดความสุขเป็นเป้าหมายปลายทางของคนทั่วโลก
โดยแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทย เน้นความเป็นไทยร่วมสมัย และนำแนวคิดหลักของงานมาพัฒนาต่อยอดให้เป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อคนทั้งโลกได้ตั้งแต่ ภูมิจากธรรมชาติ ภูมิจากวิถี วัฒนธรรม นวัตกรรม จนถึงภูมิคุ้มกันจากศักยภาพ และความพร้อมด้านสาธารณสุข
ด้านแนวคิดการออกแบบ คือ “ภูมิคุ้มกัน” เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทย มีดีที่ “ภูมิ” เป็นประเทศแห่งการกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกัน โดยสะท้อนการออกแบบผ่าน 2 อัตลักษณ์สำคัญประจำภูมิพิมาน ได้แก่ “ช้าง” ตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์ อายุยืนยาว ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมิตรไมตรีจิต และ “ไม้” ตัวแทน แห่งการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในประเทศด้วยภูมิปัญญาสะท้อนผ่านศาลาไทย โดยมีประติมากรรมเฉลว เป็นตัวแทนของการดูแลใส่ใจด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ยังนำมนต์เสน่ห์ ของประเทศไทยที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ มาสอดแทรกในนิทรรศการ อย่าง อาหารไทย ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง, ส้มตำ เป็นต้น โดยอาหารไทยนั้น มีความอร่อยที่หลากหลายครบรส และยังแฝงไปด้วยสมุนไพร เครื่องเทศต่างๆ เป็นส่วนประกอบหลักที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยต้านโรคภัย เสริมภูมิคุ้มกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์สำคัญของประเทศไทย คือ รอยยิ้ม ความเป็นมิตรและจิตใจที่พร้อมให้บริการ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ทำให้การท่องเที่ยวและการบริการของไทยเป็นหนึ่งใน Top of Mind ของโลก ด้วยเหตุนี้ จึงได้หยิบยกนำ “ยิ้มสยาม” มาเป็นส่วนหนึ่งของธีมในการจัดนิทรรศการในครั้งนี้
สำหรับการเข้าร่วมงานจัดแสดงนิทรรศการในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ของประเทศไทยเป็นหนึ่ง ในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub พ.ศ. 2560-2569 คือ การส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านสุขภาพ และระบบสาธารณสุขของไทยสู่สายตา ประชาคมโลก นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจและสุขภาพของไทย ซึ่งประกอบไปด้วย
ด้านสาธารณสุข
ส่งเสริม และเผยแพร่นโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในภูมิภาค เวทีโลก ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นหมุดหมายด้านสุขภาพของคนทั่วโลก รวมถึงเป็นโอกาสอันดีในการแสดงศักยภาพในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสุขภาพ และระบบสาธารณสุขไทยให้ทั่วโลกรับรู้
ด้านเศรษฐกิจ
ก่อให้เกิดการขยายตลาดอุตสาหกรรมด้านการแพทย์ครบวงจรของไทย อีกทั้งเป็นการแสดงศักยภาพให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน และดึงดูดให้ผู้ลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งให้ผู้ประกอบการไทย เกิดโอกาสในการขยายการลงทุนไปสู่ภายนอกประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทยมีความเข้มแข็ง และยั่งยืนในทุกมิติ
ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ส่งเสริมภาพลักษณ์ และแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับโลก ส่งผลดีให้เกิดการจ้างงานและเกิดการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอีกมาก พร้อมทั้งส่งผลดีกับธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่ขยายบริการไปสู่การดูแลสุขภาพแบบครบวงจร (Wellness Center) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรายได้มูลค่าสูง นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือกับนานาประเทศ เปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการแพทย์กับนานาชาติ นอกจากโอกาสที่ได้รับจากการเข้าร่วมงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ยังมี 7 องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ไทยมีศักยภาพสนับสนุนการก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ประกอบไปด้วย
ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ได้นั้น นอกจากโอกาสอันดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสุขภาพ และระบบสาธารณสุขสู่สายตาประชาคมโลกในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN แล้ว ประเทศไทยยังมี 7 ศักยภาพสำคัญที่จะมาผนึกกำลังให้แข็งแกร่งในการผลักดันให้ประเทศไทยสู่ความสำเร็จในเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
มาร่วมแสดงพลังสร้างสรรค์ เพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพของคนทั้งโลกในงาน EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม พ.ศ.2568
#ThailandPavilion2025 #WorldExpo2025 #OsakaKansaiJapan
#กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ #กระทรวงสาธารณสุข #ศาลาไทย #ภูมิพิมาน
#MarketPlusOnline #MarketPlusMagazine