เบอร์เกอร์คิง เดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาด ‘เบอร์เกอร์คิง ไทย ซีรีส์’ ต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ ‘ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้’ ที่มุ่งเน้นเจาะฐานกลุ่มผู้บริโภคเพิ่ม ผ่านการนำเสนอเมนูใหม่ล่าสุด ‘เบอร์เกอร์หมูกระทะ’ เมนูเบอร์เกอร์ใหม่ที่พัฒนามาจากอินไซด์ของผู้บริโภคคนไทยที่ชื่นชอบการรับประทานหมูกระทะ
หวังใช้เป็น 1 ใน Local Menu เพื่อดึงลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการ หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมกับการเปิดตัว Local Menu อย่าง ‘ไก่ทอด หาดใหญ่’ ที่สามารถช่วยดึงลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น 10% และช่วยจำนวนการสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้น 20%
การพัฒนา Local Menu นี้ ถือเป็น 1 ในหัวใจสำคัญของการดำเนินกลยุทธ์ที่เป็น Localization ซึ่งถือเป็นแกนหลักสำคัญในการทำตลาดของแบรนด์เบอร์เกอร์จากอเมริการายนี้
เจริญชัย บำรุงวงศ์ทอง Marketing Director บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
การทำตลาดของเบอร์เกอร์คิง จะมีแกนหลักที่เป็น Global Strategy ที่ถูกกำหนดมาจากบริษัท เป็นเสมือนการวางแนวทางในการทำตลาดในประเทศไทย ก่อนที่การลงในรายละเอียด จะเป็นการวางกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกับความเป็นท้องถิ่น โดยเฉพาะในมุมของจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคชาวไทยเกิดความรู้สึกว่า การกินเบอร์เกอร์คิง ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
การส่งเมนูที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นในประเทศไทยที่เรียกว่า Local Menu คือภาพสะท้อนของการทำตลาดเพื่อให้แบรนด์เบอร์เกอร์คิงมีความเชื่อมโยงกับคนไทย โดยที่ผ่านมา เบอร์เกอร์คิง มีการนำเสนอเมนูรสชาติถูกปากคนไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เมนูโจ๊ก เมนูไก่ทอดหาดใหญ่ หรือเมนูของหวานอย่างพายขนมครก
ส่วนในครั้งนี้ จะมีการนำเสนอเมนูเบอร์เกอร์ใหม่ ‘เบอร์เกอร์รสหมูกระทะ’ ที่เป็น 1 ในกลยุทธ์การตลาด ‘เบอร์เกอร์คิง ไทย ซีรีส์’ ภายใต้แคมเปญใหม่ ‘ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้’ เมนูเบอร์เกอร์ใหม่ที่พัฒนามาจากอินไซด์ของคนไทย ที่ชื่นชอบการรับประทานเมนูปิ้งย่างโดยเฉพาะหมูกระทะ ซึ่งถือว่ามีดีมานด์ที่น่าสนใจ และตรงกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแปลกใหม่
ประกอบกับเบอร์เกอร์คิง มีแนวคิดในการพัฒนาเมนูให้เข้ากับกระแสเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นการต่อยอดเมนูใหม่โดยนำหมูกระทะมาอยู่ในรูปแบบเบอร์เกอร์ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ชิ้นหมูย่างชิ้นโตที่นำไปย่างด้วยเตาไฟอันเป็นซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นเนื้อวัวแทนได้ มาพร้อมซอสสูตรพิเศษที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทานเมนูหมูกระทะจากหน้าเตาในบรรยากาศสไตล์ฟิวชัน
โดยมีให้เลือก 2 เมนู ได้แก่ ซิงเกิ้ล หมูกระทะ เบอร์เกอร์ ราคา 89 บาท และดับเบิ้ล หมูกระทะ เบอร์เกอร์ ราคา 149 บาท ที่จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษข้าวหมูย่างซอสหมูกระทะ ที่มาในราคาเพียง 79 บาท เพื่อเป็นเมนูทางเลือกเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ หลากหลายรูปแบบให้ผู้บริโภคเพื่อสร้างการจดจำ
โดยเมนูดังกล่าวเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ร้านเบอร์เกอร์คิงทุกสาขา (ยกเว้นสาขาท่าอากาศยานและสาขาท่องเที่ยว)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ต่อยอดเมนูสุดฮิต ไก่ทอดหาดใหญ่โคตรหอมเจียว ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันยังได้รับกระแสตอบรับดี ดังนั้นในซีรีส์นี้จึงส่งความฟินแบบต่อเนื่องด้วยการเพิ่มปริมาณหอมเจียวมากขึ้นถึง 3 เท่า ในราคา 149 บาท
ควบคู่กับการทำกิจกรรมการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านสื่อหลากรูปแบบในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา อาทิ การเปิดตัวเสื้อสงกรานต์ที่นำไก่ทอดหาดใหญ่มาเรียงร้อยในรูปแบบของเสื้อลายดอก การทำสื่อเต้นท์การ์ดให้กับร้านอาหารท้องถิ่นที่หยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ การเปิดตัวรถกุ๊กกุ๊กไก่ทอดหาดใหญ่ที่ช่วยสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายท้องถิ่นได้อย่างกว้างขวาง และการมอบส่วนลดในเมนูไก่ทอดหาดใหญ่สำหรับผู้ที่เดินทางโดยสารสายการบินทั้งในและต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาอีกด้วย
ตามแผนที่วางไว้ ในปีนี้ เบอร์เกอร์คิง จะมีการเปิดตัวเมนูใหม่ที่อยู่ภายใต้แคมเปญ แคมเปญใหม่ ‘ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้’ เพิ่มอีก 1 เมนู เพื่อเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Local Menu ของเบอร์เกอร์คิง ซึ่งจะถูกใช้ในการดึงลูกค้าหน้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการ โดยเบอร์เกอร์คิงมองว่า หากสามารถดึงพวกเขาเข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ได้ จะมีโอกาสต่อยอดไปสู่การใช้บริการเป็นประจำในระยะยาว
ทั้งนี้ก็เพราะว่า การเข้ามาใช้บริการ จะหมายถึงการได้มาซึ่งดาต้าของพวกเขาที่จะทำให้เข้าใจถึงความต้องการ และสามารถนำไปต่อยอดในการทำตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงเหล่านั้นได้
ขณะเดียวกัน เบอร์เกอร์คิงเอง ก็มองว่า เมื่อสามารถดึงให้เข้ามาใช้บริการได้แล้ว การส่งมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งในเรื่องของส่วนลด หรือโปรโมชั่นแบบ ซื้อ 1 แถม 1 ซึ่งหากสามารถดึงให้เข้ามาเป็นลูกค้าประจำได้ โอกาสที่จะต่อยอดไปสู่การใช้บริการเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง ก็มีตามมาอีกด้วย
“จากการดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แคมเปญ ‘ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้’ ทำให้เบอร์เกอร์คิงมีฐานผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 10% จำนวนการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งแคมเปญนี้จะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่จะมาช่วยต่อยอดขยายฐานผู้บริโภคให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าปิดปี 2567 สามารถขยายฐานผู้บริโภคคนไทย 25%
ในขณะเดียวกัน เบอร์เกอร์คิง ไม่หยุดรังสรรค์แคมเปญการตลาดใหม่ๆ ตลอดทั้งปี รวมถึงการพัฒนาและคิดค้นเมนูประจำเทศกาล ตลอดจนการบริการ ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพ เบอร์เกอร์คิง ในฐานะผู้นำตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนแนวหน้าของไทย และเจ้าแห่งการสร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคทั้งกลุ่มคนไทยและคนต่างชาติอย่างแท้จริง” เจริญชัย กล่าวทิ้งท้าย